ส.อ.ท.ห่วงแบงก์พาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อ ทำนโยบายการเงินไร้ควาหมาย

17 ธ.ค. 2568 | 11:26 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2568 | 11:29 น.

ส.อ.ท.ชี้กนง.ลดดอกเบี้ยดีต่อเศรษฐกิจ และผู้ประกอบการ กระทุ้งแบงก์พาณิชย์ต้องกล้าปล่อยสินเชื่อทำนโยบายให้มีความหมาย

KEY

POINTS

  • ส.อ.ท. กังวลว่าการลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. จะไร้ความหมาย หากธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดและไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs
  • แม้การลดดอกเบี้ยจะมีผลดีในการลดต้นทุนทางการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ประโยชน์จะไม่ส่งถึงภาคธุรกิจจริงหากไม่ผ่านกลไกการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
  • ภาคเอกชนเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ร่วมมือและกล้าปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้มาตรการช่วยเหลือสามารถเข้าถึงผู้ประกอบการที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องได้อย่างแท้จริง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงประเด็นการลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดลง 0.25% ว่า อย่างน้อยที่สุดจะช่วยส่งผลดีในด้านต่าง ๆ ต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการ ประกอบด้วย

  • ลดต้นทุนทางการเงินโดยตรงของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs วึ่งประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดคือการลดต้นทุนทางด้านการเงิน ที่ทำให้ดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มผู้กู้ SMEs ต้องจ่าย ลดลงตามไปด้วย ช่วยให้ผู้กู้มีภาระเบาลง
  • ส่งผลทางจิตวิทยาให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ประเด็นดังกล่าวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงกว่า 8.1% ในขณะที่ประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เช่น เวียดนาม ยังมีค่าเงินที่อ่อนค่าอยู่ที่กว่า 3-3% การลดดอกเบี้ยจึงถูกมองว่าเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัวได้ นอกจากนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ยังถือว่าตรงกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) ได้คาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ซึ่งส่งผลต่อจิตวิทยาตลาดด้วย

ส.อ.ท.ห่วงแบงก์พาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อ ทำนโยบายการเงินไร้ควาหมาย

  • เป็นการส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการสะท้อนว่าภาครัฐต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยภาคเอกชนคาดว่ามาตรการดังกล่าวนี้จะส่งผลดีในระยะสั้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการ เช่น ปัญหาอุทกภัยใน 9 จังหวัดภาคใต้ และผลกระทบจากการปะทะกับกัมพูชา ซึ่งทำให้กิจกรรมทางธุรกิจในหลายภาคส่วน เช่น ภาคการเกษตร ภาคโรงเรียน โรงพยาบาล และนิคมอุตสาหกรรม ต้องหยุดชะงัก รวมถึงผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นปลายปี

อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาคเอกชนจะคาดหวังและมองเห็นผลดีจากการลดดอกเบี้ย แต่ก็ยังมีความกังวลว่าธนาคารพาณิชย์อาจจะยังไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับ SMEs ภาคเอกชนจึงเรียกร้องขอความร่วมมือจากภาคธนาคารในการช่วยปล่อยสินเชื่อ

"การลดดอกเบี้ยนโยบายก็เปรียบเสมือนการให้ออกซิเจนเสริมแก่ปอดของเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอ ช่วยให้การหมุนเวียนของกระแสเงินสดดีขึ้นและลดแรงกดดันทางด้านต้นทุน เพื่อให้ธุรกิจสามารถหายใจและเดินหน้าต่อไปได้"

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การตัดสินใจของ กนง. ที่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ถือเป็นการดำเนินการที่สำคัญในการช่วยเหลือภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม SMEs

สำหรับนโยบายลดดอกเบี้ยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานส.อ.ท. ได้หารือร่วมกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อต้องการให้ออกมาตรการและดูแลกลุ่มผู้ประกอบการโดยเฉพาะมาตรการปล่อยสินเชื่อและการช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเป็นการต่อลมหายใจให้กับธุรกิจได้ 

"ความช่วยเหลือดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ SMEs เนื่องจากในปัจจุบัน SMEs จำนวนมากกำลังประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงและมีสายป่านที่สั้น" 

อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียงอย่างเดียวจะยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูธุรกิจ แต่กุญแจสำคัญคือการที่สถาบันการเงินทั้งรัฐและเอกชนจะต้องมีความกล้าหาญที่จะให้วงเงินหรือปล่อยสินเชื่อการปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบการอย่างแท้จริง 

ทั้งนี้ หาก กนง. มีนโยบายลดดอกเบี้ยลง แต่ธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดและไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ นโยบายนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย เหมือนกับการที่เห็นว่าราคาอาหารถูกลง แต่ไม่มีใครขายให้ลูกค้า หากธุรกิจถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือหรือธนาคารหุบร่มใส่ ภาคเอกชนก็ไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากดอกเบี้ยที่ลดลง

นายนาวา กล่าวอีกว่า ภาคเอกชนหลายรายมักจะบ่นว่าธนาคารมักจะหุบร่มหรือถอนการสนับสนุนในเวลาที่ลูกค้ากำลังเผชิญกับวิกฤติหนัก หรือ เจอฝน เจอพายุ หนัก ดังนั้น ภาคเอกชนจึงคาดหวังว่าการลดดอกเบี้ยของ กนง. ในครั้งนี้ จะต้องตามมาด้วยการที่ธนาคารพาณิชย์ ทั้งภาครัฐและเอกชน มีความกล้าหาญที่จะให้โอกาสและปล่อยสินเชื่อ การดำเนินการเช่นนี้เท่านั้นที่จะช่วยกางร่มสู้พายุสู้ฝนให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง