เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 มีหนังสือด่วนจาก กองบัญชาการกองทัพไทย(บก.ทท.) และ ศูนย์บัญชาการทางทหาร (ศบท.)
1.เพื่อให้การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ที่ประชุมคณะผู้บัญชาการทหาร (คบท.) เมื่อ 12 ธ.ค. 68 มีมติในการดำเนินการต่อเรือไทย และ/หรือผู้ประกอบการไทยที่ใช้เรือไทย หรือเรือจดทะเบียนเรือสัญชาติอื่น ๆ ลำเลียงและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง หรือสินค้ายุทธปัจจัยไปยังกัมพูชาทางทะเล เพื่อเป็นการลิดรอบและลดศักยภาพ ขีดความสามารถของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามต่อประเทศไทย
2.ตามข้อ 1. เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทันต่อสถานการณ์ บก.ทท./ศบท.
จึงขอให้ กห/ศบช.กห. พิจารณานำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุม สภา มช. โดยเร่งด่วน โดยมีแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
2.1 เสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ พิจารณากลไกภายใต้สภาความมั่นคงแห่งชาติให้หน่วยงานทางทะเลในศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) กำหนดให้
2.1.1. มีมติสภาความมันคงแห่งชาติ เรื่อง ประกาศมาตรการระงับการขนส่งน้ำมันเชื่อเพลิงและสินค้ายุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา
2.1.2. ให้หน่วยงานใน ศรชล. ยกระดับมาตรการตามมาตรา 27 วรรค 2 และ 3 ในการบูรณากาการกลไก การควบคุมและเฝ้าระวังเรือสินค้าพาณิชย์ เรือประมง เรือสนับสนุนทำงานประมง ทั้งในส่วนของเรือไทย และผู้ประกอบการทางทะแล ที่เป็นเจ้าของเรือโดยตรงหรือทางอ้อมที่เป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารกิจการกองเรือภาคการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศและมีพฤติการลักลอบลำเลียงและส่งออกน้ำมันหรือสินค้ายุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา
2.1.3. ให้ ศรชล. พิจารณาประกาศพื้นที่โดยรอบทะเลอาณาเขตรอบท่าเรือกัมพูชา เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยระดับสูง
นาวาเอก ภาณุพันธ์ รักษ์แก้ว นายทหารประสานงาน ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) ชี้แจงถึงกรณีมีร่างคำสั่ง ประกาศปิดกั้นอาณาเขตทางทะเล ในอ่าวไทย และตัดเส้นทางลำเลียงเชื้อเพลิง-ยุทธภัณฑ์ เข้า กัมพูชา เผยแพร่ในสังคมออนไลน์ นั้นว่า เป็นเพียงร่างประกาศ ที่ทาง ศร.ชล. ได้เตรียมไว้ และเตรียมกำหนดพื้นที่ที่ ที่เหมาะสมก่อน เสนอเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อขออนุมัติ ก่อน ซึ่งเป็นไปตามอำนาจ ในพระราชบัญญัติ รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 2562