บทสรุป 'อนุทิน' ต่อสายคุย 'ทรัมป์' ฟ้องกัมพูชาละเมิด ไม่ยกภาษีผูกชายแดน

13 ธ.ค. 2568 | 01:50 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2568 | 01:52 น.

นายกฯ อนุทิน หารือทางโทรศัพท์กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชี้ฝ่ายกัมพูชาละเมิด ไทยจำเป็นจะต้องป้องกันอธิปไตย ดินแดน ชีวิตประชาชน เชื่อไม่นำการเจรจาภาษีผูกสถานการณ์ชายแดน

KEY

POINTS

  • นายกฯ อนุทิน แจ้งประธานาธิบดีทรัมป์ว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดปฏิญญาก่อน ทำให้ไทยต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย
  • นายกฯ ขอให้สหรัฐฯ แจ้งกัมพูชาให้เป็นฝ่ายหยุดยิงก่อน ถอนกำลัง และเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางไว้ใหม่
  • ทรัมป์สัญญาจะให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่ไทย โดยยืนยันว่าประเด็นนี้ไม่ถูกนำมาผูกโยงกับสถานการณ์ชายแดน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลา 21.20 น. ณ ห้องโดมทอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 

โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ คือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟังการสนทนาด้วย

สาระสำคัญของการหารือครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับผลการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ สรุปได้ดังนี้

ฟ้องกัมพูชาละเมิด ไทยต้องตอบโต้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์มีความเป็นห่วงในสถานการณ์และอยากจะให้ทุกอย่างกลับไปที่ปฏิญญา (Joint Declaration) ที่ได้ลงนามกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

นายกรัฐมนตรียืนยันกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่าไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อยู่ในปฏิญญามาตลอด ไม่เคยออกนอกเงื่อนไข แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิด โดยทำให้ฝ่ายไทยสูญเสียอวัยวะชีวิต ทรัพย์สิน ทำให้ไทยจำเป็นจะต้องตอบโต้เพื่อป้องกันอธิปไตย ดินแดน ทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนชาวไทย 

นายกรัฐมนตรีได้อธิบายย้ำกับประธานาธิบดีทรัมป์ในเหตุผลดังกล่าว เพื่อให้เข้าใจชัดเจนว่าไทยมิได้เป็นฝ่ายรุกราน แต่สิ่งที่ไทยทำคือการตอบโต้เท่านั้น

ทรัมป์ บอกให้ต่อสายคุยได้ตลอดเวลา

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าใจและกล่าวว่า หากมีเรื่องเช่นนี้ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยสายตรงหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ตลอดเวลา รวมถึงนายกรัฐมนตรีเองก็สามารถต่อสายโทรหาประธานาธิบดีทรัมป์ได้โดยตรงเช่นกัน ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยได้มีการพูดคุยกับฝ่ายสหรัฐฯ ในหลายระดับเป็นประจำอยู่แล้ว 

ฝากแจ้งกัมพูชาให้หยุดยิงก่อน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวยอมรับว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้มีการหยุดยิง ซึ่งได้เรียนว่า ขอให้ไปบอกฝ่ายกัมพูชาดีกว่า โดยกัมพูชาต้องออกมาบอกให้โลกรู้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิง แล้วจะถอนกำลังออกไป รวมถึงเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางเอาไว้ออกไปให้หมด ซึ่งทุ่นระเบิดใหม่ที่กัมพูชาวางไว้เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 

โดยได้รับการยืนยันจาก AOT เป็นลายลักษณ์อักษรว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งวาง มีความชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดปฏิญญา ดังนั้น ฝ่ายที่ละเมิดต้องเป็นฝ่ายที่แก้ไข ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกกระทำต้องเป็นฝ่ายแก้ไข

สหรัฐฯ พร้อมคิดภาษีไทยดีกว่าประเทศอื่น

สำหรับประเด็นเรื่องอัตราภาษีศุลกากร ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัญญาว่าจะให้ประเทศไทยได้รับอัตราภาษีที่ดีกว่าประเทศอื่น โดยรอบก่อน ประธานาธิบดีทรัมป์มีภารกิจมาก 

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายถามถึงประเด็นนี้ขึ้นมา และไม่ได้มีท่าทีกดดัน หรือจะนำมาผูกกับประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี โดยไทยจะทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถึงเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ ประเด็นที่ได้พูดคุยในครั้งนี้ก็จะหยิบยกขึ้นมาด้วย 

แยกประเด็นเลือกตั้งไม่เกี่ยวชายแดน

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการเลือกตั้ง เป็นเรื่องของประเทศไทยไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดน ตอนนี้ตนต้องพูดถึงเรื่องทำอย่างไรไม่ให้ทหารและประชาชนบาดเจ็บ เสียชีวิตจากการรุกราน ตอนนี้เรื่องการเมือง เรื่องการเลือกตั้งไม่มีความสำคัญกับผมแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับชีวิตคนคนหนึ่งที่เป็นคนไทยตามแนวชายแดน 

“ทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ แต่รัฐบาลก็ต้องไม่ยอมให้ใครมาละเมิดเรื่องอธิปไตย ดินแดน และความปลอดภัยของประชาชน หากยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะไม่ยอมให้ประชาชนถูกกลั่นแกล้ง ละเมิด หรือถูกลอบยิงจากฝ่ายตรงข้ามโดยเด็ดขาด” นายกฯ ระบุ