KEY
POINTS
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมีมติรับทราบหลักการและแนวทางการดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) หรือ "โครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้" ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ
พร้อมทั้งมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ให้เห็นผลโดยเร็วและร่วมกันดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ทำความเห็นเสนอต่อครม.ว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวบรรลุเป้าหมายตามเจตนารมณ์ กระทรวงการคลังควรประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ เช่น
การยกเว้นดอกเบี้ยหากลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน การชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดบัญชี (Haircut) และการปรับปรุงประวัติเครดิตหากสามารถชำระหนี้ตามเงื่อนไขภายใต้มาตรการได้สำเร็จ เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ
ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยสนับสนุนให้โครงการนี้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิ และสามารถแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องของภาคครัวเรือนได้
จึงเห็นควรมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวควบคู่ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการยกระดับฐานข้อมูลหนี้สินครัวเรือนให้ครอบคลุมผู้ให้บริการทางการเงินทุกประเภท รวมถึงสถาบันการเงิน หรือ ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) และสหกรณ์ออมทรัพย์
ทั้งนี้เพื่อให้มีฐานข้อมูลครบถ้วนสำหรับใช้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ควบคู่กับการวิเคราะห์ศักยภาพและประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ เพื่อสนับสนุนให้การปล่อยสินเชื่อใหม่หลังสิ้นสุดโครงการดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามศักยภาพของลูกหนี้อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน สศช.เสนอว่าควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการให้สินเชื่อของธนาคารออมสิน ร่วมกับ ARI-AMC หรือ AMC ที่ได้รับมอบหมาย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐ (PSA) ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้การกำกับดูแลมีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ และควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
พร้อมทั้งรายงานต่อครม. หลังสิ้นสุดโครงการ ทั้งในด้านการช่วยลดภาระหนี้ของครัวเรือน ผลลัพธ์ด้านการฟื้นฟูศักยภาพทางการเงินของลูกหนี้ และความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรของภาครัฐ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะต่อไป
ส่วน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเห็นประกอบว่า เห็นด้วยกับโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้เสียไม่สูงให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น และมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีขึ้น รวมทั้งมีโอกาสกลับมาเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ ธปท. ไม่ขัดข้องต่อการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่จะจัดทำมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นการเฉพาะกิจของแต่ละแห่ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับสถานะของลูกหนี้ SFIs ที่เปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์
รวมทั้งเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งนอกจากจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่ครอบคลุม และเอื้อต่อการนำไปใช้ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตแล้ว ยังต้องมีการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการยกระดับรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันสื่อสารรายละเอียดโครงการอย่างชัดเจนและทั่วถึง เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการทราบถึงประโยชน์ กรอบเวลา และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการอย่างครบถ้วนและชัดเจน รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาทบทวนการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายต่อไป
สำหรับโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ที่เสนอเข้ามาให้ครม.เห็นชอบในครั้งนี้มีสาระสำคัญเป็นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยการรับซื้อหนี้เสียของลูกหนี้รายย่อยผ่านกลไกของ AMC และกำหนดให้ AMC ช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้
มีเป้าหมายลูกหนี้ที่คาดว่าจะเข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือจากโครงการ และการให้ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ประมาณ 2.36 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้ประมาณ 62,400 ล้านบาท
ส่วนคุณสมบัติต้องเป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่มีสถานะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เป็นหนี้ที่มีการค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาเกินกว่า 90 วันนับแต่วันครบกำหนดชำระ และมีภาระหนี้ NPLs รวมทุกประเภทสินเชื่อกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
โดยประเภทสินเชื่อที่รับซื้อ คือ สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) สินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น และสินเชื่อที่เคยมีหลักประกันมีการบังคับหลักประกันแล้วหรือไม่สามารถติดตามทรัพย์ได้ และยังคงเหลือภาระหนี้คงค้างที่สามารถเรียกร้องได้ตามกฎหมายจากธนาคารพาณิชย์ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ส่วนรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไขของโครงการ แบ่งเป็น
1. กรณีลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์
ทางธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่ได้รับมอบหมาย ตามราคากลางและวิธีการบริหารจัดการหนี้ ที่ตกลงร่วมกัน
จากนั้น SAM หรือ AMC จะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้หลังรับซื้อหนี้โดยการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้ตามแนวทางที่ ธปท. กำหนด ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ (1) การจ่ายชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดบัญชีจบหนี้ และ (2) การผ่อนชำระหนี้ เป็นงวด ระยะเวลาสูงสุด 3 ปี
โดยภาระดอกเบี้ยในระหว่างเข้าร่วมมาตรการจะถูกพักไว้ โดยหากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขจะยกเว้นดอกเบี้ยทั้งจำนวน ส่วนการบริหารจัดการหนี้ภายหลังปีที่ 3 เป็นต้นไปจะพิจารณาให้สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ต่อไป
2.กรณีลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จะขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) หรือ AMC ที่ได้รับมอบหมาย ตามราคากลางและวิธีการบริหารจัดการหนี้ที่ตกลงร่วมกัน จากนั้น Ari-AMC หรือ AMC จะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้หลังรับซื้อหนี้ โดยการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้ตามแนวทางที่ ธปท. กำหนด
พร้อมกันนี้ยังกำหนดแนวทางจูงใจให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้และรักษาวินัยในการชำระหนี้ควบคู่ไปด้วย โดยกำหนดแนวทางให้มีการรายงานประวัติการชำระหนี้ ของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการฯ แก่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาให้สินเชื่อเพิ่มเติมของสถาบันการเงินเพื่อให้ลูกหนี้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองหรือมีแหล่งเงินทุนในการประกอบธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่การขอสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค
โดยในการพิจารณาให้สินเชื่อเพิ่มเติมดังกล่าว ให้สถาบันการเงินพิจารณารายได้ของลูกหนี้ โดยใช้รายได้ที่แสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยจะมีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นมาตรการเฉพาะกิจของแต่ละธนาคาร เพื่อบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้ ซึ่งเปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ เช่น
มาตรการปิดบัญชีลดเงินต้นยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด มาตรการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ที่ผ่อนปรนมากกว่าเกณฑ์ปกติของธนาคาร การปิดบัญชีและตัดเป็นหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ขาดศักยภาพ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) และเจ้าหนี้กลุ่มอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากลูกหนี้ข้างต้น จะได้รับการพิจารณาช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับโครงการในระยะถัดไป เพื่อให้การช่วยเหลือโดยยึดแกนลูกหนี้เป็นศูนย์กลาง (Debtor Centric)