ครม.เคาะมาตรการหนุนรถยนต์ EV3 – EV 3.5 พ่วงปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต

09 ธ.ค. 2568 | 07:05 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2568 | 07:12 น.

ครม.เห็นชอบมติบอร์ด EV ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมรถยนต์ EV3 และ EV3.5 พร้อมทั้งไฟเขียวร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ ปรับโครงสร้างอัตราภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์

KEY

POINTS

  • ครม.มีมติเห็นชอบการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า EV3 และ EV3.5 ตามมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เสนอ
  • การดำเนินการดังกล่าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความยืดหยุ่น และให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดโลก พร้อมป้องกันความเสี่ยงจากอุปทานส่วนเกินและสงครามราคาในประเทศ 

  • พร้อมอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับใหม่ เพื่อปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ รองรับมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ EV

วันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ มีมติเห็นชอบการปรับปรุง มาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV3 และ EV3.5)  ตามที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เสนอ

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความยืดหยุ่น และให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดโลก พร้อมป้องกันความเสี่ยงจากอุปทานส่วนเกินและสงครามราคาในประเทศ ตามมติการประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568

สาระสำคัญของมติการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV3 และ EV3.5) ประกอบด้วย

1.การขยายเวลาการจดทะเบียนรถ EV ที่ผลิตในประเทศ ได้แก่ มาตรการ EV3 ให้จำหน่ายภายใน 31 ธันวาคม 2568 และจดทะเบียนได้ถึง 31 มกราคม 2569 และมาตรการ EV3.5 ให้จำหน่ายภายใน 31 ธันวาคม 2570 และจดทะเบียนได้ถึง 31 มกราคม 2571

2. ปรับวิธีนับการผลิตชดเชยเพื่อการส่งออก ได้แก่ การผลิตรถ EV ที่ส่งออก นับเป็นการผลิตชดเชยได้ 1.5 เท่า และการผ่อนผันระยะเวลาการส่งออกถึงวันที่ 30 มิถุนายนของปีถัดไป

3.คุมเข้มการจ่ายเงินอุดหนุน ได้แก่ การกำหนดหลักเกณฑ์ติดตามแผนการผลิตชดเชยอย่างใกล้ชิด และการระงับการจ่ายเงินอุดหนุนชั่วคราว หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เพื่อความรอบคอบด้านงบประมาณ

4.เปิดทางขยายการผลิตข้ามมาตรการ โดยผู้ได้รับสิทธิ EV3 สามารถขยายการผลิตชดเชยไปภายใต้มาตรการ EV3.5 ได้ เพื่อรักษาฐานการผลิตในประเทศ

5. ขยายเวลาการนับมูลค่าเซลล์แบตเตอรี่จากต่างประเทศ โดยผ่อนผันถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 และปรับลดสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของราคารถ เพื่อเร่งการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการยังย้ำเป้าหมายสำคัญของประเทศไทยในการเป็น ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก และเดินหน้าสู่เป้าหมาย Zero Emission Vehicle (ZEV) ภายในปี 2573 อย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยใช้มาตรการทางเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพตลาดในประเทศ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งด้วยว่า ในการประชุมครม.วันนี้ ยังเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับใหม่ เพื่อปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้รองรับมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย กระทรวงการคลัง เสนอ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเสนอเข้ามาเป็นวาระลับ โดยจะมีการเผยแพร่ข้อมูลหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว