ครม.เศษฐกิจ ไฟเขียวมาตรการ TISA ขยายเพดานลดหย่อนภาษี สูงสุด 8 แสนบาท

08 ธ.ค. 2568 | 08:31 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2568 | 08:32 น.

ครม.เศษฐกิจ ไฟเขียวมาตรการภาษี ผ่านบัญชี TISA ขยายเพดานลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากเดิม 5 แสนบาท เป็น 8 แสนบาท คาดครอบคลุม 11.4 ล้านคน หากร่วมโครงการได้สิทธิลดหย่อนสูงสุด 1.3 เท่า

KEY

POINTS

  • ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาวผ่านบัญชี TISA (Thailand Individual Savings Account)
  • ปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการลงทุนส่วนบุคคลจากเดิมไม่เกิน 500,000 บาท เป็นสูงสุด 800,000 บาท
  • มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้คนไทยเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และกระตุ้นให้มีเงินออมเข้าสู่ตลาดทุนมากขึ้น

วันนี้ (8 ธันวาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) หรือ ครม.เศรษฐกิจ วันนี้เห็นชอบในหลักการมาตรการ Quick Big Win การเพิ่มโอกาสการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 

โดยเฉพาะมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวผ่านบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล Thailand Individual Savings Account (TISA) ถือเป็นมาตรการส่งเสริมออมเพื่อให้คนไทยเตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุ มีหัวใจสำคัญคือ การปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จ่ายเพื่อการลงทุนส่วนบุคคลจากเดิมไม่เกิน 500,000 บาท เพิ่มเป็น 800,000 บาท คาดว่าจะครอบคลุมประชาชน 11.4 ล้านคน

ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมบัญชี TISA ได้กำหนดการคำนวณค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งเป็น กรณีผู้มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท สามารถนำเงินได้ที่จ่ายไปเป็นค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ เงินสะสม และเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนทั้งหมดไปคำนวณหักลดหย่อนได้ 1.3 เท่า หรือสูงสุดไม่เกิน 1.04 ล้านบาท 

ส่วนกรณีผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 1.5 ล้านบาท ให้นำเงินได้ที่จ่ายไปทั้งหมดไปคำนวณหักลดหย่อนได้ 0.7 เท่า หรือสูงสุดไม่เกิน 560,000 บาท

"มาตรการที่ออกมาหลักใหญ่ ๆ คือให้เตรียมพร้อมคนไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้คนไทยจะสามารถมีแหล่งระดมเงินออมมากขึ้น และจะมีเงินเข้าสู่ตลาดทุนมากขึ้น ถือว่ายิงนกทีเดียวได้หลายตัว หนึ่งคือทุกคนจะได้ลดหย่อนมากขึ้น สองคือมีมาตรการจูงใจให้คนเข้าสู่ตลาดทุนผ่านการยกเว้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 200,000 บาทแรก สำหรับคนที่ถือ TISAเกิน 5 ปี" นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการออกพันธบัตรรัฐบาล โดยจำหน่ายให้กับประชาชนสามารถซื้อพันธบัตรได้ทุกเดือน และสามารถจองซื้อขั้นต่ำเริ่มต้น 1,000 บาท เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าสู่พันธบัตรรัฐบาลที่มีความมั่นคงได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกันที่ประชุมยังมีการพิจารณาการดำเนินมาตรการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย หรือ ไมโครอินชัวรันส์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการประกันภัยขั้นพื้นฐานได้มากขึ้น

ส่วนโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 และการเติมเงินลงไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ล่าสุดกำลังพิจารณารายละเอียดอยู่ และจะเสนอให้ที่ประชุมครม.ต่อไป