KEY
POINTS
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงจากกรณีความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีผลกระทบต่อเจรจาภาษีสหรัฐฯ หรือไม่นั้น ปัจจุบันเจรจาภาษีสหรัฐฯที่อยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียด ในส่วนที่ไม่ใช่ของภาษีและมีเป้าหมายให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ โดยส่วนตัว “ไม่กังวล” เพราะมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายผิด และไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
"เชื่อว่าสหรัฐฯ ไม่ได้นำ 2 เรื่องนี้มาปนกัน เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนั้นคือช่วงที่ทหารไปเหยียบกับระเบิด ซึ่งประเทศกัมพูชา ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่คุยกัน ดังนั้นไม่ใช่ความผิดของเรา"
โดยไทยจะยังดำเนินการเจรจาต่อไปในช่องทางต่างๆ แม้ว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐจะส่งหนังสือมาระงับการเจรจาชั่วคราวไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์ความขัดแย้งจะยุติลง ซึ่ง ทางทีมไทยแลนด์ได้ส่งหนังสือยืนยัน ว่ายังมีความประสงค์ที่จะเจรจาต่ออยู่
ทั้งนี้เมื่อยังไม่มีการได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาหรือเซ็นข้อตกลงถือว่าไทยก็ยังคงมีความยืดหยุ่นทางการค้า ผลกระทบเพียงอย่างเดียวที่ไทย ได้รับในขณะนี้คือ “ความไม่แน่นอน” ต้องจับตาสถานการณ์หลังจากนี้ต่อไป ขณะเดียวกันอาจเป็นประโยชน์ กรณีอาจประวิงเวลาในพิจารณารายละเอียดอย่างรอบครอบเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ได้เจรจาสิ้นสุดไปแล้ว นอกจากนี้ ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเจรจาได้สำเร็จให้ทันภายในสิ้นปี 2568 ตามตั้งเป้าไว้หรือไม่
นอกจากนี้ ศาลฎีกาสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการไต่สวนว่าคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชอบหรือไม่ และการเจรจาไทยสหหรัฐฯไม่น่าเกี่ยวกับเหตุปะทะไทยกัมพูชาและเห็นว่าสิ่งที่ไทยตอบโต้เป็นไปด้วยความสมเหตุสมผลทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและสหรัฐฯน่าจะเข้าใจและไม่ตั้งเงื่อนไขเพิ่มกับไทยแม้จะไม่สามารถผลการเจรจาได้ในสิ้นปีนี้ ไม่น่ามีผลอะไรไปมากกว่านี้ เพราะอัตราภาษีถูกเรียกเก็บไปแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์ปะทะ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งได้มีดำเนินการปิดด่านไทยกัมพูชาไปแล้ว ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลงต่อเนื่องไปแล้ว 99.99%
สำหรับตัวเลขการค้าชายแดนไทยกัมพูชา 10 เดือนแรกของปี มีมูลค่า 95,554 ล้านบาท ติดลบ 36.68% ในจำนวนนี้ส่งออก 72,844 ล้านบาท ติดลบ 38.43% ส่วนการนำเข้า อยู่ที่ 22,710 ล้านบาท ติดลบ 30.32%
โดยเฉพาะเดือนตุลาคมเดือนเดียว มีมูลค่าอยู่ที่ 9 ล้านบาท ติดลบ 99.94% แยกเป็น ส่งออก 9 ล้านบาท ติดลบ 99.93% นำเข้า 320,000 บาท ติดลบ 99.99 %
นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นประเมินว่า เหตุการณ์ปะทะครั้งล่าสุดน่าจะไม่มีผลกระทบที่มากขึ้นกว่าเดิม โดยประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญหลังจากนี้ คือ การดูแลผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจบริเวณแนวชายแดน ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะช่วยเหลือ
โดยนำสินค้าจากผู้ผลิตในแหล่งเจ็ดจังหวัดจัดจำหน่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมของกระทรวงพาณิชย์ เช่น มหกรรมท้องฟ้าในภาคอื่นๆ
ขณะที่ การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ลงทุนในกัมพูชา ทางกระทรวงการคลังเตรียมที่จะออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง , การโอนย้ายเครื่องจักร เครื่องมือ โดยไม่เสียภาษี