ส.อ.ท.ชี้เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ฉุดเศรษฐกิจหายเกือบ 500 ล้าน

08 ธ.ค. 2568 | 10:39 น.

ส.อ.ท.ชี้สถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ฉุดเศรษฐกิจหายเกือบ 500 ล้านบาท ระบุต้องอพยพประชาน และเร่งให้จบโดยเร็ว

KEY

POINTS

  • เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาทำให้การค้าลดลง 99.5% สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเกือบ 500 ล้านบาทต่อวัน
  • ประชาชนในพื้นที่ชายแดนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ การเกษตร และการดำเนินชีวิต
  • ความขัดแย้งดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้า โดยสหรัฐฯ ได้ขอให้ไทยระงับกระบวนการเจรจาไว้ชั่วคราว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ความขัดแย้งพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชายแดนและการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่อย่างหนัก

ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กัมพูชาเป็นฝ่ายสร้างสถานการณ์และยั่วยุอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการกระทำที่ผิดต่อสนธิสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง นั่นคือการวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ การยั่วยุอย่างต่อเนื่องนี้รวมถึงการวางกับระเบิดในเขตประเทศ ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสีย

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกระทรวงการต่างประเทศได้นำเอาหลักฐานที่ชัดเจนไปชี้แจงล่าสุด โดยเฉพาะหลักฐานที่ได้จากโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้จากทหารกัมพูชาในการรบครั้งแรก ๆ ซึ่งหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายสร้างสถานการณ์ และมีการบันทึกการสาธิตหรือโชว์การวางระเบิดไว้ในเครื่อง ทำให้ผู้แทนของกัมพูชาที่เข้าร่วมประชุมแสดงความตกใจและพยายามคัดค้านไม่ให้มีการนำเสนอ

หลังจากการนำเสนอหลักฐานไม่กี่วัน ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทางกัมพูชาใช้เครื่องยิงต่าง ๆ ยิงเข้ามาที่ฐานของไทย ซึ่งทำให้มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บและมีการปะทะด้วยปืนเล็ก และมีการปะทะด้วยปืนต่อต้านที่มีศักยภาพการทำลายที่รุนแรงขึ้นเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2568 ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเช้า กองทัพอากาศจึงได้ส่งเครื่องบิน F16 ไปทิ้งระเบิด ในจุดเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่เป็นแหล่งซ่องสุม หรือมีการติดตั้งอาวุธร้ายแรงที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย

ส.อ.ท.ชี้เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ฉุดเศรษฐกิจหายเกือบ 500 ล้าน

สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบต่อเรื่องที่สหรัฐเคยใช้เป็นเงื่อนไขผูกติดไว้ ซึ่งในปัจจุบัน สหรัฐฯ โดย USTR ได้มีจดหมายอย่างเป็นทางการมายังประเทศไทย เพื่อขอให้หยุดกระบวนการเจรจากับสหรัฐฯ ผ่าน USCR ไปก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯ ยังคงนำเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขอยู่ สถานะของการเจรจาจึงเท่าเดิม คือหยุดไว้และไม่มีการเจรจาเพิ่มเติม ดังนั้น ประเทศไทยต้องชี้แจงและทำความเข้าใจกับสหรัฐฯ โดยยืนยันถึงหลักฐานที่มีอยู่ว่าค่อนข้างชัดเจน ดังนั้น ตอนนี้อาจจะต้องรอดูท่าทีของสหรัฐฯ อีกครั้งในเรื่องของการเจรจาภาษี

ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนที่สุดคือ การปะทะชายแดนได้นำไปสู่การอพยพผู้คนชาวไทยออกนอกพื้นที่หลายแสนคน ในหลายจังหวัดที่มีเขตชายแดนติดต่อกัน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชีวิต ซึ่งการอพยพนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชายแดนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ปัจจุบันตัวเลขการซื้อขายและการค้าขายกับชายแดนกัมพูชาลดลงเหลือเพียง 0.5% ซึ่งนั่นหมายความว่าการค้าขายได้หายไปถึง 99.5%

อีกทั้งตามสถิติของกรมศุลกากร สถานการณ์นี้เหมือนกับการปิดด่านเกือบถาวรแล้ว ซึ่งการปิดด่านที่ผ่านมาก็กระทบการซื้อขายกันต่อวันที่ 500 ล้านบาท

ส.อ.ท.ชี้เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ฉุดเศรษฐกิจหายเกือบ 500 ล้าน

"การอพยพทำให้ชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพต้องหยุดชะงัก หลายอุตสาหกรรมต้องหยุดลง เช่น การทำภาคการเกษตรไม่ได้ รวมถึงโรงเรียนต้องหยุดเพื่อความปลอดภัย การค้าขายในบริเวณ 3-4 จังหวัดได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน“ 

อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะคำนวณมูลค่าความเสียหายที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้และหวังว่าประเทศไทยจะสามารถดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อไม่ให้สถานการณ์ยืดเยื้อเกินไป เพราะสิ่งที่กระทบเพิ่มขึ้นคือขวัญและกำลังใจของประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน