KEY
POINTS
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาร้อนระอุอีกครั้ง หลังเกิดเหตุปะทะกันอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 68 เป็นต้นมา
ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค. 68) เหตุการณ์ปะทะของหทารไทยและกัมพูชายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” จะอัปเดตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชารายงานให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 6. 48 น. เฟสบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า กัมพูชาเปิดฉากยิง ในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายเราทำการยิงตอบโต้ตามกฎการปะทะ สถานการณ์ในพื้นที่ยังติดพันการรบ รายละเอียดจะรายงานให้ทราบต่อไป กองทัพภาคที่ 2 ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลัง
ขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่กองทัพบกที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เวลา 22.00 น. กองกําลังกัมพูชาเปิดยิงตําแหน่งไทยในพื้นที่ช่องขณาและช่องระยี ตรวจพบการเคลื่อนไหวของรถถัง T-55 กัมพูชา เข้าพื้นที่กรุงสําโรง ในจังหวัด Oddar Meanchey พลเรือนกัมพูชาได้รับการสังเกตการณ์การอพยพออกจากเขตชายแดน
เวลา 23.00 น. กองกําลังกัมพูชาได้รับการเตรียมพร้อมรบสูงสุดหลังจากการปะทะกันที่พลานหินแปดก้อน กองกําลังของพวกเขายังเพิ่มความพร้อมตามแนวชายแดนทั้งหมด สร้างตําแหน่งป้องกันเพิ่มเติม เสริมกําลังที่เข้มแข็ง ค้นหาอุปกรณ์ระเบิดในเขตความรับผิดชอบของตน เคลื่อนย้ายเหมืองที่เก็บไว้ในตําแหน่งที่ครอบคลุม ปิดเครื่อง โทรศัพท์มือถือและเตรียมรับผู้บัญชาการอาวุโสที่จะดูแลปฏิบัติการรบ พวกเขายังคงเฝ้าระวังกิจกรรมไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้ถัง โดรน และการก่อสร้างถนนใกล้แนวหน้า
เวลา 00.00 น. ในเขตช่องบกและช่องอันมะ ตรวจพบการเคลื่อนไหวของเครื่องยิงจรวด RM-70 ของกัมพูชาเข้าสู่อําเภอจอมเกษรในจังหวัดพระวิหาร ยังพบเห็นพลเรือนชาวกัมพูชาอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน
เวลา 01.00 น. ในพื้นที่ช่องจอมและช่องเสม็ด ตรวจพบการเคลื่อนไหวของระบบจรวด BM-21 กัมพูชา และ Type-90B เข้าเขตกรุงสําโรง ในเขตออดดาร์มีนเชย มีรายงานการอพยพพลเรือนชาวกัมพูชาจากเขตชายแดนอย่างต่อเนื่อง
ณ เวลา 03.25 ชั่วโมง กองกําลังกัมพูชาได้รับการสังเกตการณ์การออกคําสั่งให้กําหนดเป้าหมายอาวุธสนับสนุนการยิงที่:
• บ้านกาชัยน้อย ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน และสนามบินบุรีรัมย์ ห่างจากชายแดนประมาณ 87 กิโลเมตร
• บ้านจรูกแขว ต.โคกยาง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ห่างชายแดนประมาณ 31 กิโลเมตร
05.05 น. จนถึงปัจจุบัน ฝ่ายไทยได้ตอบโต้ตามกฎการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้ง
07.00 น. ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กองทัพบกได้รับรายงานว่าทหารไทยถูกโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุนทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
07.10 น. พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายไทยเริ่มมีการใช้อากาศยาน กระทำต่อเป้าหมายคือที่ตั้งยิงอาวุธ สนับสนุนของฝ่าย กัมพูชา 3 พื้นที่เป้าหมาย บริเวณ ช่องอานม้า, ปราสาทคนา และเสาวิทยุพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร
เนื่องจาก เป้าหมายเหล่านั้น ได้มีการใช้อาวุธปืนใหญ่ และเครื่องบินลูกระเบิดกระทำต่อฝ่ายไทยที่บริเวณฐานอนุพงศ์ เป็นเหตุให้มีกำลังพลเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บจำนวน 2 นาย
รายงานข่าวจากกองทัพอากาศเปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้ใช้เครื่องบิน F-16 ในการสนับสนุนภาคพื้น โดยเป้าหมายอยู่ที่ปืนใหญ่ฝั่งกัมพูชาที่ยิงเข้ามาฝั่งไทย ขณะนี้กำลังปฎิบัติภารกิจ
กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและกำลังพลทุกนาย งดเผยแพร่ภาพ "ข้อมูลการปฏิบัติการทางทหาร"
เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญถูกนำไปวิเคราะห์ต่อยอด จนกระทบความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติในพื้นที่และความมั่นคงของประเทศ
สำหรับกำลังพล ทุกระดับชั้น ห้าม เผยแพร่ข้อมูลอาวุร แผนปฏิบัติ วิธีการ หรือการเคลื่อนย้ายกำลัง ห้าม ถ่ายภาพที่มีพิกัด GPS หรือเปิดเผยตำแหน่งยุทรการ แม้ข้อมูลบางอย่างอาจ “ไม่ใช่ความลับ" แต่เมื่อรวมกับข้อมูลอื่น อาจกลายเป็น "ภาพรวมยุทธการ” ที่ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้ได้ทันที
อย่างไรก็ดี พลเรือนประมาณ 70% ถูกอพยพแล้ว มีผู้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ 35,623 คน ณ สถานสงเคราะห์ชั่วคราว เชื่อว่าผู้ที่ไม่ได้เข้าที่พักอาศัยจะพักอาศัยกับญาติ ๆ หรือยังอยู่ในระหว่างการย้ายที่อยู่ ระหว่างอพยพในพื้นที่อําเภอน้ํายืน มีพลเรือนเสียชีวิต 1 รายขณะเคลื่อนย้าย
มีการปะทะกันอยู่พื้นที่ช่องอานม้า เนิน 677 ห้วยตามาเรีย พื้นที่คนาปราสาทตาเมือน สถานการณ์ในพื้นที่ยังติดพันการรบ
8.30 น. กัมพูชายิง BM21ใส่บ้านเรือนประชาชนฝั่งไทย บ้านสายโท 10 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
09.20 น. เพจกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า เป้าหมายกระเช้าเนิน 350 ทางด้านทิศตะวันตกปราสาทตาควาย ระยะ 300 เมตร ถูกทำลายเรียบร้อย
09.30 น. กองทัพภาคที่ 2 โพสข้อความโดยระบุว่า ขอแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง "ยกระดับมาตราการรักษาความปลอดภัย" อาคารสถานที่ราชการที่สำคัญ และป้องกัน ขัดขวาง การปฏิบัติของฝ่ายตรงข้ามที่มุ่งสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สิน กองทัพจะปกป้องประชาชนและอธิปไตยเต็มกำลัง