KEY
POINTS
การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้(18 พ.ย. 68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเสนอการปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลาง ปีงบประมาณ 2570–2573 ซึ่งเป็นกรอบทิศทางการใช้จ่ายและรายได้ของรัฐบาลในช่วง 4 ปีข้างหน้าให้ที่ประชุมพิจารณา
แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลังเปิดเผยฐานเศรษฐกิจว่า จุดสำคัญของแผนการคลังระยะปานกลาง ปีงบประมาณ 2570–2573 คือการลดระดับการขาดดุลลงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพหนี้สาธารณะ และอาศัยการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพื่อให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP อยู่ในระดับที่บริหารได้
ตลอดช่วงแผนการคลังปี 2570–2573 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดย GDP เพิ่มจาก 19.37 ล้านล้านบาทในปี 2569 เป็น 20.05 ล้านล้านบาทในปี 2570 หรือเติบโต 3.5% ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 20.83 ล้านล้านบาทในปี 2571 เติบโต 3.9%
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังดำเนินต่อเนื่องในปี 2572 ซึ่ง GDP เพิ่มเป็น 21.69 ล้านล้านบาท หรือขยายตัว 4.1% และขยายตัวในอัตราสูงสุดของช่วงแผนในปี 2573 ที่ 4.5% ดันมูลค่า GDP แตะ 22.66 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ฐานเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้นช่วยลดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ในช่วงท้ายแผน
ในปีงบประมาณ 2570 รัฐบาลคาดว่ารายได้สุทธิจะอยู่ที่ 3,000,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2569 ประมาณ 2.7% ขณะที่ GDP ขยายตัวขึ้นจาก 19,371,000 ล้านบาท เป็น 20,049,000 ล้านบาท
ด้านรายจ่าย รัฐบาลตั้งงบรายจ่ายที่ 3,788,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากปีก่อน เป็นการขยายตัวในระดับต่ำตามเป้าการควบคุมรายจ่าย ส่งผลให้ดุลการคลังในปีนี้ขาดดุล 788,000 ล้านบาท คิดเป็น 3.9% ของ GDP
ส่วนหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 13,794,810 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69.4% ของ GDP
ในปี 2571 รายได้รัฐบาลเพิ่มเป็น 3,145,000 ล้านบาท โดยอัตราการเพิ่มอยู่ที่ 4.8% สอดคล้องกับการขยายตัวของ GDP ที่เพิ่มขึ้นเป็น 20,831,000 ล้านบาท
งบประมาณรายจ่ายขยับขึ้นเป็น 3,826,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 1% ส่งผลให้ดุลการคลังขาดดุลลดลงมาอยู่ที่ 681,000 ล้านบาท ลดลงชัดเจนจากปีก่อน และคิดเป็น 3.3% ของ GDP
หนี้สาธารณะคงค้างในปีนี้อยู่ที่ 14,419,390 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่สัดส่วนหนี้ต่อ GDP สูงสุดของแผน อยู่ที่ 69.8%
ปี 2572 รัฐบาลประเมินรายได้สุทธิไว้ที่ 3,274,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน ขณะที่ GDP เติบโตขึ้นเป็น 21,685,000 ล้านบาท
งบรายจ่ายถูกกำหนดที่ 3,864,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ทำให้ดุลการคลังขาดดุลลดลงเหลือ 590,000 ล้านบาท หรือ 2.7% ของ GDP แสดงให้เห็นการปรับลดขาดดุลอย่างสม่ำเสมอตามเป้าหมายของแผน
ด้านหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มเป็น 14,954,436 ล้านบาท แต่สัดส่วนต่อ GDP ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 69.5%
ในปีสุดท้ายของแผน ระบุว่ารายได้รัฐบาลจะเพิ่มเป็น 3,422,000 ล้านบาท ขยายตัว 4.5% เป็นปีที่รายได้เพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดของช่วงแผน ขณะที่ GDP เติบโตต่อเนื่องเป็น 22,661,000 ล้านบาท
งบรายจ่ายขยับขึ้นเป็น 3,903,000 ล้านบาท เพิ่ม 1% ทำให้ขาดดุลลดลงมาอยู่ที่ 481,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขขาดดุลต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี คิดเป็น 2.1% ของ GDP
ปริมาณหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นตามกลไกการชดเชยขาดดุล อยู่ที่ 15,335,708 ล้านบาท แต่ด้วยการเติบโตของ GDP ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ลดลงเหลือ 68.2% เป็นระดับเดียวกับฐานปี 2569 สะท้อนเสถียรภาพทางการคลังที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงกลางแผน
ข้อมูลทั้งหมดสะท้อนว่า นโยบายการคลังในช่วง 2570–2573 มุ่งเน้นการลดขาดดุลแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยรายได้รัฐเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่งบรายจ่ายถูกควบคุมให้ขยายตัวเพียง 0.2–1% ต่อปี ส่งผลให้ดุลการคลังขาดดุลลดลงจาก 788,000 ล้านบาท ในปี 2570 เหลือ 481,000 ล้านบาท ในปี 2573
ขณะเดียวกัน แม้หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี แต่สัดส่วนเมื่อเทียบกับ GDP มีแนวโน้มปรับลดในช่วงท้ายของแผน เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจช่วยขยายฐานรายได้และลดแรงกดดันด้านหนี้สาธารณะ.