KEY
POINTS
"นายก๊อกอัน (KOK AN)" หรือในชื่อเดิม ฟู ก๊ก อาน (Phu Kok An) เกิดในปี พ.ศ. 2497 ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เขาคือพลเมืองเชื้อสายจีน-กัมพูชา และได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 มหาเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดในกัมพูชา
เส้นทางชีวิตของก๊กอานไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภาคธุรกิจ แต่ก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจของกัมพูชา โดยเขาดำรงตำแหน่งเป็น วุฒิสมาชิกของกัมพูชา ภายใต้พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล
นอกจากนี้ เขายังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์อันทรงเกียรติว่า อุกญ៉า (Okhna) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มอบให้กับนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลที่บริจาคเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนรัฐบาล
อาณาจักรธุรกิจของเขาคือ Anco Group ซึ่งเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมกิจการหลากหลาย ตั้งแต่
ความสำเร็จทางธุรกิจและอำนาจของนายก๊กอานไม่สามารถแยกออกจากความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ที่ซับซ้อนกับชนชั้นนำกัมพูชาได้ เขาเป็นที่รู้จักจากความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเป็นพิเศษกับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันเป็นประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ผู้เป็นบิดาของ ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน
มีการวิเคราะห์ว่า ความใกล้ชิดนี้เองที่ทำให้ก๊กอานได้รับ “อภิสิทธิ์ทางกฎหมายและนโยบาย” และทำให้ผลกำไรจากธุรกิจที่อาจผิดกฎหมายถูกนำมาหมุนเวียนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเมืองและซื้อความคุ้มครองทางกฎหมาย
นอกจากนี้ ก๊กอานยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผู้มีอิทธิพลระดับสูงของพรรค CPP ซึ่งรวมถึง “ราชาแห่งเกาะกง” ที่ชื่อว่า สว. ลียง พัด (Ly Yong Phat) หรือ นายพัด สุภาภา หรือ เสี่ยพัด ที่เพิ่งถูกถอนสัญชาติไทยและถูกปปง.ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินไปก่อนหน้านี้
ความเชื่อมโยงทางเครือญาติ ได้ผนึกสองเครือข่ายยักษ์ใหญ่เข้าด้วยกัน โดยมีรายงานว่า ภู แส พิง ซึ่งเป็นบุตรของนายก๊กอาน ได้สมรสกับ ลี ยาวลักษณ์ (Ly Yaowalak) ซึ่งเป็นบุตรของนายลียง พัด
ความสัมพันธ์นี้ยิ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างสองตระกูลที่ทรงอิทธิพลของกัมพูชา
การตรวจสอบของหน่วยงานไทยในปี พ.ศ. 2568 ได้เผยให้เห็นว่าเครือข่ายของนายก๊กอานมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (TOC)
นายก๊กอานถูกระบุว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ของการดำเนินการกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และแก๊งสแกมเมอร์ Crown Casino Resort ในปอยเปต เป็นเจ้าของที่ดินและสถานที่ ถูกกล่าวหาว่าเป็น "ศูนย์บัญชาการ" หลัก โดยมีการอนุญาตให้กลุ่มทุนสีเทา โดยเฉพาะจากประเทศจีน เข้ามาเช่าหรือใช้พื้นที่ในอาคารกาสิโนเป็นฐานปฏิบัติการเพื่อหลอกลวงเหยื่อทั่วโลกผ่านแผนการลงทุนสกุลเงินเสมือนจริงปลอม
เครือข่ายของเขามีความเชื่อมโยงกับ การค้ามนุษย์ และ การฟอกเงิน กาสิโนเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นฐานหลอกลวงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น จุดศูนย์กลางสำคัญในการฟอกเงิน จำนวนมหาศาลที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายให้กลายเป็นทรัพย์สินที่ดูเหมือนถูกกฎหมายในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย การเสียชีวิตของพลเมืองไทยในกาสิโนของเขาในปี 2565 ยิ่งตอกย้ำถึงความรุนแรงและการบีบบังคับในสถานที่เหล่านี้
เครือข่ายก๊กอานใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการทางการเงินและการฟอกเงิน นายก๊อกอันเคยได้รับ ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย อย่างถูกต้องตามขั้นตอนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ส่วนบุตรทั้งสามคน ได้แก่ น.ส.จุรี คล่องกิจกล, น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยุไล่), และ นายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล ถูกระบุว่ามีความสำคัญต่อการปฏิบัติการอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากสถานะพลเมืองไทยที่พวกเขาได้มาอย่างทุจริตทำให้สามารถ 1. จดทะเบียนบริษัทในไทย 2.เปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) 3.ถือครองอสังหาริมทรัพย์ในไทย เพื่อใช้ในการฟอกเงิน
กรมการปกครอง (DOPA) ตรวจพบว่าบุตรทั้งสามคนของนายก๊กอานได้สัญชาติไทยมาโดยทุจริต ผ่านการ "แจ้งการเกิดเกินกำหนด" ณ สำนักทะเบียนอำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยใช้กลไกการ แอบอ้างบุคคลสัญชาติไทยที่ไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริง มาลงทะเบียนเป็นพ่อแม่ในเอกสารทางทะเบียน
การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่ามีการทุจริตในระบบทะเบียนราษฎรของไทยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มอาชญากรทางการเงินจากต่างชาติสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย
รัฐบาลไทยได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อตัดเส้นทางการเงินและทำลายโครงสร้างทางกฎหมายของเครือข่ายนี้ผ่านการประสานงานของหลายหน่วยงาน โดยศาลอาญาไทยได้อนุมัติหมายจับนายก๊กอาน ในข้อหามีส่วนร่วมใน “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” และการฟอกเงิน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายหลายจุดในไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่จดทะเบียนภายใต้ชื่อของบุตรชายและบุตรสาวของนายก๊กอาน
รวมทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และตำรวจได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินในประเทศไทยที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายก๊กอาน มูลค่ารวมกว่า 1.1 พันล้านบาท ทรัพย์สินที่ถูกยึดรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูและรถยนต์
การดำเนินการนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการยึดทรัพย์เครือข่ายของ สว. ลียง พัด มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ของนายก๊อกอันถูกระงับและถือว่า สิ้นสภาพ เนื่องจากเขาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ ชื่อของเขาถูกจำหน่ายออกจากทะเบียนบ้านที่เขตประเวศ ทำให้เขามีสถานะเป็น "คนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศไทย"
รวมถึงบุตรทั้ง 3 คน ถูกคำสั่งกรมการปกครอง ยกเลิกสูติบัตร ของ น.ส.จุรี, น.ส.ภูเฌอหลิน, และนายกิตติศักดิ์ และให้ถือว่า ไม่เคยมีสัญชาติไทยตั้งแต่ต้น ทั้งสามคนถูกจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน และมีสถานะเป็น "คนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย" และจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาแจ้งการเกิดโดยทุจริตต่อไป