เรียกเชื่อมั่น ‘เครดิตเรทติ้ง’ รื้อแผนการคลัง วางเป้าขาดดุลต่ำ 3%

09 พ.ย. 2568 | 23:02 น.

คลังเร่งทบทวน ‘แผนการคลังระยะปานกลาง’ เสร็จในพ.ย.นี้ เรียกเชื่อมั่น ‘เครดิตเรทติ้ง’ วางเป้าขาดดุลต่ำกว่า 3% เพิ่มประสิทธิภาพเก็บรายได้ ให้อยู่ 18%ต่อจีดีพี

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการทบทวนและจัดทำ แผนการคลังระยะปานกลาง คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถประกาศออกมาได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ แผนดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญในการ "เรียกความเชื่อมั่น" ทั้งจากนักลงทุนและสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรทติ้ง)

สำหรับแผนการคลังระยะปานกลางฉบับนี้จะแตกต่างจากอดีต โดยจะถูกออกแบบให้มีรายละเอียดที่เข้มข้น  จะมีการลงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลจะดำเนินการใดบ้าง เพื่อให้เกิดวินัยทางการเงินการคลังที่เข้มข้นขึ้น 

“หากแผนการคลังระยะปานกลาง มีความชัดเจน จะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่น และมีโอกาสที่เครดิตเรทติ้งจะกลับไปที่เดิมได้ เนื่องจากในอดีต แผนที่เคยเขียนไว้มักขาดรายละเอียด ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่น”

ทั้งนี้ ประเด็นหลักในแผนการคลังระยะปานกลางคือการจัดการหนี้สาธารณะ และโครงสร้างรายจ่าย/รายได้ ได้แก่

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

1. การควบคุมการขาดดุล

เป้าหมายสำคัญคือการนำสัดส่วนการขาดดุลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) กลับมาสู่ระดับต่ำกว่า 3% ซึ่งเป็นระดับที่ควรจะเป็น ปัจจุบันสัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 4%

อย่างไรก็ตาม การปรับลดจาก 4% มาต่ำกว่า 3% นั้น จะไม่สามารถเกิดขึ้นภายในปีเดียวได้ แต่จะต้องดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป

2. การเพิ่มประสิทธิภาพรายได้

แผนการคลังนี้จะต้องครอบคลุมทั้งเรื่องรายได้ รายจ่าย และหนี้สิน โดยจะมีการจัดทำ "แผนปฏิรูปรายได้" เข้ามาควบคู่กัน หากพิจารณาตามศักยภาพ สัดส่วนรายได้ต่อ GDP ควรอยู่ที่ประมาณ 17-18% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 14%

แม้รัฐบาลจะต้องการผลักดันให้ถึงศักยภาพ แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปี และต้องมีการดำเนินการหลายอย่างควบคู่กันไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ

นายลวรณ กล่างว่า เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศกำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน

โดยรายละเอียดที่ระบุในแผนการคลังระยะปานกลางรอบนี้ จะต้องมีตารางตัวเลขที่ชัดเจนว่า ในแต่ละปีจะมีเป้าหมายเท่าไร หากแผนที่ออกมาไม่มีรายละเอียดชัดเจน จะไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้