คลัง สศช. สำนักงบ บี้การรถไฟฯ หารายได้ หลังขาดสภาพคล่องรุนแรง

08 พ.ย. 2568 | 12:21 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ย. 2568 | 12:25 น.

คลัง สศช. สำนักงบประมาณ ประสานเสียงบี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หารายได้เพิ่มด่วน หลังขอกู้เงินก้อนใหญ่ 1.8 หมื่นล้านบาท แก้ปัญหาขาดสภาพคล่องรุนแรง

KEY

POINTS

  • การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประสบปัญหาสภาพคล่องรุนแรง โดยมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้กว่า 18,000 ล้านบาท จน ครม. ต้องอนุมัติเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินงาน
  • กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ฯ และสำนักงบประมาณ ได้เร่งรัดให้ รฟท. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูองค์กรอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาฐานะการเงิน
  • หน่วยงานเศรษฐกิจเน้นย้ำให้ รฟท. เร่งหารายได้เพิ่มจากส่วนที่ไม่ใช่ค่าโดยสาร โดยเฉพาะการบริหารทรัพย์สินผ่านบริษัทลูก และปรับปรุงการเดินรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 18,000 ล้านบาท ภายหลังจากได้รับผลกระทบขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง

โดยกระทรวงคมนาคม รายงานว่า ปัจจุบัน รฟท. มีเงินสดจ่ายมากกว่าเงินสดรับ กว่า 18,000 ล้านบาท เนื่องจาก รฟท. ต้องจัดสรรรายได้ไว้เพื่อจ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายเงินกู้ ส่วนรายได้ที่เหลือต้องจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงด้านโครงสร้างพื้นฐานทางระบบราง เช่น หมอบรองราง ตัวราง สะพาน ระบบอาณัติสัญญาณ และเครื่องกั้น/สัญญาณไฟทั่วประเทศ

อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอาคารสถานที่ รถจักรและล้อเลื่อน รถโดยสาร รถสินค้า และรถพ่วงซึ่งมีอายุการใช้งานนาน ทำให้ต้องซ่อมบำรุงบ่อยครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินรถค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าใช้จ่ายบำเหน็จบำนาญ ส่งผลให้ รฟท. มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จึงขอเสนอขอกู้เงิน เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ 2569 และให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงานของ รฟท.

ทั้งนี้มีหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เสนอความคิดเห็นต่อครม.ถึงกรณี รฟท. ขอกู้เงินก้อนใหญ่กว่า 18,000 ล้านบาท ในครั้งนี้ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แจ้งว่า เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมกำกับให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินการตามแผนฟื้นฟู โดยเฉพาะการปรับแผนเดินรถเพื่อให้ตอบสนองความต้องการโดยสาร/ขนส่งสินค้า ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทางคู่ระยะที่ 1 ที่เปิดให้บริการแล้ว และการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ค่าโดยสาร (รายได้จากการพัฒนาพื้นที่ผ่านบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด) ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ขณะที่กระทรวงการคลัง แจ้งว่า ขอให้ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ (คนน.) ไปพิจารณาดำเนินการ โดย คนน. ได้มีความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สะสมของ รฟท. จากการกู้เงินและการบริหารหนี้ในส่วนที่ รฟท. รับภาระเอง ซึ่งจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการเนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้

ทั้งนี้เพื่อให้ รฟท. สามารถดำเนินกิจการขนส่งสาธารณะแก่ประชาชนได้ จึงเห็นควรให้รัฐบาลชดเชย ผลขาดทุนรายปีให้ รฟท. รวมทั้งดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้เงินที่เป็นผลมาจากการขาดทุนดังกล่าว เมื่อ รฟท. สามารถปิดงบการเงินประจำปี และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองได้แล้ว ควรชดเชยผลการขาดทุนให้แก่ รฟท. เพื่อชดเชยภาระการกู้เงินเนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สะสมและพัฒนาการให้บริการประชาชนของ รฟท.

นอกจากนี้ยังขอให้ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรของ รฟท. โดยเฉพาะการเร่งดำเนินการของ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงคมนาคมในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดกำกับ ติดตาม และเร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาองค์กรให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมตามแผน ที่กำหนดโดยเร็ว

อย่างไรก็ดี หาก รฟท. ไม่สามารถให้ SRTA บริหารจัดการให้เป็นไป ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่จัดตั้งได้ เห็นควรให้ รฟท. พิจารณาใช้รูปแบบอื่นในการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์และรวดเร็วยิ่งขึ้นร่วมด้วย เพื่อทำให้เกิดรายได้จากการบริหารที่มีประสิทธิภาพมาชำระคืนหนี้คงค้างที่สะสม และเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย เพื่อให้ฐานะการเงินของ รฟท. ดีขึ้นและเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ รวมทั้งลดภาระทางการคลังของภาครัฐ

ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมและประมวลความเห็นสำหรับนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี พิจารณาขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) สำหรับปีงบประมาณ ถัดไป ขอให้ รฟท. และกระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการ ตามความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย

นอกจากนี้ สำนักงบประมาณ แจ้งว่า รฟท. ควรบริหารจัดการทางการเงินให้มีสภาพคล่องที่เหมาะสม สำหรับการดำเนินงานและสำรองไว้เพื่อใช้จ่ายในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกำกับดูแลการดำเนินงาน ตามแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566 - 2571 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการรายได้ และจะส่งผลให้ ฐานะการเงินของ รฟท. ดีขึ้นและเป็นไปตามที่ประมาณการไว้

รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการกำหนดหลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรเงินชดเชยของรัฐวิสาหกิจ และนำเสนอครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 โดยเร็ว เพื่อให้ รฟท. ได้รับเงินอุดหนุนสำหรับค่าใช้จ่ายในการให้บริการสาธารณะที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดสภาพคล่องที่เกิดขึ้น และลดภาระต้นทุนทางการเงินที่ รฟท. ต้องกู้เงินมาใช้ในการดำเนินงาน