KEY
POINTS
วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 18,000 ล้านบาท
สำหรับเหตุผลของการดำเนินการครั้งนี้ กระทรวงคมนาคม รายงานว่า ปัจจุบัน รฟท. มีผลประกอบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก รฟท. ต้องจัดสรรรายได้ไว้เพื่อจ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายเงินกู้ ส่วนรายได้ที่เหลือต้องจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงด้านโครงสร้างพื้นฐานทางระบบราง เช่น หมอบรองราง ตัวราง สะพาน ระบบอาณัติสัญญาณ และเครื่องกั้น/สัญญาณไฟทั่วประเทศ
อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอาคารสถานที่ รถจักรและล้อเลื่อน รถโดยสาร รถสินค้า และรถพ่วงซึ่งมีอายุการใช้งานนาน ทำให้ต้องซ่อมบำรุงบ่อยครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินรถค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าใช้จ่ายบำเหน็จบำนาญ ส่งผลให้ รฟท. มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ รฟท. มีเงินสดจ่ายมากกว่าเงินสดรับ จำนวนทั้งสิ้น 18,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม จึงขอเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 18,000 ล้านบาท
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุมครม.ครั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม ได้แจ้งนายกฯ ในระหว่างการประชุมครม.ว่า ปัจจุบันการรถไฟฯ มีหนี้สะสมจำนวนมาก ณ วันนี้ยังไม่มีขีดความสามารถที่จะทำให้รายได้มากกว่ารายจ่าย แต่อย่างไรก็ดี การรถไฟฯ ยังมีทรัพย์สินของตัวเองอยู่จำนวนมาก แต่ยังบริหารจัดการได้ไม่ครบถ้วน
ดังนั้น นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และรมว.คลัง จึงเสนอขึ้นมาในที่ประชุมว่า กระทรวงการคลังจะขอรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา โดยเฉพาะจะเตรียมจัดหาบริษัทเอกชนเข้ามาประมูลทรัพย์สินของการรถไฟฯ ที่มีศักยภาพ เพื่อหารายได้ให้กับรฟท.ต่อไป