'พันธ์ทอง ลอยกุลนันท์' ชู 'Customs Quick Big Win' ปฏิรูปศุลกากร 4 เดือน

08 พ.ย. 2568 | 09:17 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ย. 2568 | 09:17 น.

อธิบดีศุลกากร 'พันธ์ทอง ลอยกุลนันท์' คนในรอบ 10 ปี เดินหน้าปฏิรูป 4 เดือน 'Customs Quick Big Win' เร่งปลดล็อกกฎ ลดภาระผู้ประกอบการ เก็บภาษีออนไลน์ 1 บาทแรก

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ข้าราชการสายตรงจากกรมศุลกากรได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรคนที่ 43 นับเป็น “คนใน” คนแรกในรอบกว่า 10 ปีที่ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของกรมจัดเก็บภาษีอันดับสามของประเทศ

ท่ามกลางภารกิจเร่งด่วนในการสนองตอบนโยบายรัฐบาล “Quick Big Win” ที่มีกรอบระยะเวลาเพียง 4 เดือน 

นายพันธ์ทองได้ประกาศนโยบายการทำงานภายใต้แนวคิด “Customs Quick Big Win” โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน เพื่อกระตุ้นการค้า ปกป้องสังคม และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม 

การบริหารงานในช่วงสั้นนี้จะมุ่งเน้นการใช้มาตรการทางศุลกากรและอำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่ รวมถึงการปรับปรุงระเบียบปฏิบัติที่ทำได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่หรือใช้งบประมาณเพิ่มเติม

'พันธ์ทอง ลอยกุลนันท์' ชู  'Customs Quick Big Win' ปฏิรูปศุลกากร 4 เดือน

อธิบดีกรมศุลกากรเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของกรมศุลกากรใน 2 ด้านหลัก คือ ด้านเศรษฐกิจ (Trade Enabler และ Revenue Collector) และ ด้านสังคม (Social Protection) 

ในด้านเศรษฐกิจ กรมศุลกากรจะปรับบทบาทจากหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ไปสู่การเป็น ผู้เอื้ออำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Enabler) ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนแนวคิด (Mindset) ของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ให้ยึดหลักว่า “ทุกอย่างต้องทำได้” และยุติการสร้างระเบียบที่เป็นเพียงเอกสาร แต่สร้างกติกาที่ส่งเสริมการค้าอย่างแท้จริง 

ปัจจุบันกรมศุลกากรดูแลมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยกว่า 22 ล้านล้านบาทต่อปี รวมถึงดูแลการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เข้า-ออกกว่า 13 ล้านตู้ และใบขนสินค้ากว่า 13.8 ล้านฉบับต่อปี 

มาตรการเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนโดยใช้ “อำนาจและลายเซ็น” เพื่อปลดล็อกระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการ ประกอบด้วย

  • เพิ่มความยืดหยุ่นในการขนส่ง: อนุญาตให้ผู้ประกอบการที่ขนส่งสินค้าทางรถไฟ สามารถเปลี่ยนรูปแบบเป็นรถบรรทุกได้ในกรณีที่เส้นทางรถไฟยังไม่เชื่อมต่อถึงจุดตรวจปล่อย 
  •  อำนวยความสะดวกการส่งออก: แก้ปัญหาความซ้ำซ้อนในการนำตู้สินค้ามาที่จุดตรวจปล่อย เช่น ลาดกระบัง เพื่อให้พิธีการศุลกากรและการส่งออกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะมีการออกกฎกระทรวงรองรับ 
  •  ปรับปรุงระบบการถ่ายลำสินค้า (Transshipment) ที่แหลมฉบัง: ลดขั้นตอนการทำเอกสาร โดยพัฒนาระบบให้สามารถแปลงข้อมูลจาก Manifest มาเป็นใบขนสินค้าโดยอัตโนมัติ คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1 เดือน  

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดนโยบาย เร่งคืนเงินให้ผู้ประกอบการ (เช่น ภาษีค้างชำระ เงินชดเชย และเงินค้ำประกัน) เพื่อเสริมสภาพคล่อง และ เร่งรัดการพิจารณาอุทธรณ์ โดยกำหนดให้คณะกรรมการอุทธรณ์ประชุมอย่างน้อย 2 ครั้งต่อเดือน   

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญคือ การแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมทางการค้าจากการนำเข้าสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป กรมศุลกากรจะเริ่ม จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่สั่งจากแพลตฟอร์มออนไลน์ตั้งแต่ 1 บาทแรก เพื่อสร้างความเป็นธรรมและเสริมศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทย ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มรายได้รัฐประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี 

สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ กรมศุลกากรจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรแต่ยังต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการพิจารณายกเลิกการกำหนด De minimis value 

กรมศุลกากรจะมุ่งเน้นการป้องกันสินค้าที่ทำร้ายสังคม เช่น สินค้าไม่มี มอก., บุหรี่ไฟฟ้า, และของละเมิดลิขสิทธิ์ โดยจะขอความร่วมมือจากแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เข้มงวดตรวจสอบและแจ้งเตือนผู้ขายตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดภาระการตรวจสอบสินค้าจำนวนมหาศาลที่ปลายทาง 

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดภาระต่อผู้ประกอบการที่สุจริต กรมศุลกากรจะเปลี่ยนระบบการตรวจตู้สินค้าจาก Transaction-Based เป็น Entity-Based Risk Management หรือการจัดการความเสี่ยงโดยดูจากตัวผู้ประกอบการ (Entity Base) ว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ แทนที่ระบบเดิมที่ดูจากพิกัดสินค้า (Green/Red Line)  

ด้านการบริหารงานภายใน กรมศุลกากรเตรียมปรับปรุงประเด็นเรื่องเงินรางวัลและเงินสินบน โดยจะออกระเบียบให้ ผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นไป รวมถึงอธิบดี ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัลนำจับ เพื่อตัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ในการตัดสินคดี ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญในการเจรจาการค้ากับคู่ค้าต่างประเทศด้วย  

นายพันธ์ทองกล่าวทิ้งท้ายว่า นโยบาย “Customs Quick Big Win” นี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับบทบาทของกรมศุลกากรให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล มุ่งสร้างสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกทางการค้า การปกป้องสังคม และการเพิ่มรายได้ภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,147 วันที่ 9 - 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568