ธปท.ไฟเขียว “แบงก์-นอนแบงก์” ร่วมทุน AMC บริหารหนี้เสีย

07 พ.ย. 2568 | 05:13 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ย. 2568 | 05:14 น.

ธปท. ขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง เปิดช่องให้ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ Non-bank ร่วมลงทุนตั้งกิจการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้ภายใน 2 ปี ทำธุรกิจได้ 15 ปี หวังพยุงคุณภาพชีวิตของลูกหนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุน (Joint Venture) ระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loans - NPLs) และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้อยคุณภาพ

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลักเกณฑ์ส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงิน (ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด 19 สิ้นสุดไปเมื่อปี 2567 

ธปท.จึงจะอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ Non-bank สามารถร่วมลงทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์ในกิจการร่วมทุนได้เป็นการชั่วคราว ให้ระยะเวลา 2 ปี ในการยื่นขอจัดตั้งกิจการร่วมทุน และมีระยะเวลา 15 ปีในการดำเนินกิจการ

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

โดยกิจการร่วมทุนต้องให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่ได้รับโอนมาด้วย เช่น ปรับปรุงโครงสร้างหนี้  โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับและสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ 

รวมถึงจะขยายให้กิจการร่วมทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่จัดตั้งแล้วสามารถรองรับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากธนาคารพาณิชย์และ Non-bank ได้จากเดิมที่รับซื้อรับโอนได้จากสถาบันการเงินเฉพาะกิจเท่านั้น

เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของรายได้ธุรกิจและครัวเรือน

โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่อาจมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงคุณภาพสินเชื่อ สถาบันการเงินจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีกลไกที่ยืดหยุ่นขึ้นเพื่อรองรับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่อาจทยอยเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป

ธปท. หวังว่า มาตรการข้างต้นจะช่วยให้สถาบันการเงินทั้ง ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ Non-bank มีเครื่องมือเพิ่มเติมในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ดูแลลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ด้วยกลไกของกิจการร่วมทุนจะทำให้ลูกหนี้มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้ยังสามารถดำเนินชีวิตหรือธุรกิจต่อไปได้ และเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป