KEY
POINTS
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนในไทยในปี 68 ว่า เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ย. 68) มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในแง่จำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีจำนวน 2,622 โครงการ เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,374,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94%
ทั้งนี้ สะท้อนว่านักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความพร้อมรองรับการลงทุน ศักยภาพการเติบโตในระยะยาว รวมทั้งบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงในช่วง 9 เดือน ได้แก่
ด้านการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,947 โครงการ เพิ่มขึ้น 38% เงินลงทุนรวม 985,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82%
ขณะที่ประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
“เงินลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นมากเกิดจากการลงทุนในกิจการ Data Center ขนาดใหญ่จากสิงคโปร์และสหราชอาณาจักร และกิจการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานจากฮ่องกง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจและการเติบโตของไทยในระยะยาว”
ในด้านพื้นที่ เงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก มีมูลค่า 855,228 ล้านบาท จาก 1,431 โครงการ รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง 300,300 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28,560 ล้านบาท ภาคเหนือ 25,940 ล้านบาท ภาคใต้ 24,445 ล้านบาท และภาคตะวันตก 12,664 ล้านบาท
นอกจากนี้ การขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart และ Sustainable Industry) ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการลงทุนเพื่อปรับปรุงกิจการเดิมให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 402 โครงการ เพิ่มขึ้น 49% มูลค่าเงินลงทุนรวม 37,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การนำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มาใช้ในกิจการ การประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า สถิติในขั้นการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2568 มีจำนวน 2,413 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,114,798 ล้านบาท โดยประโยชน์ของโครงการที่ได้รับอนุมัติเหล่านี้ คาดว่าจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศประมาณ 6.1 แสนล้านบาท/ปี เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 175,000 ตำแหน่ง และทำให้มูลค่าส่งออกของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 1.4 ล้านล้านบาท/ปี ขณะที่ตัวเลขในขั้นการออกบัตรส่งเสริม มีจำนวน 2,050 โครงการ เงินลงทุนรวม 947,661 ล้านบาท
“สถิติการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นถึงคลื่นการลงทุนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น Data Center และอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ กลุ่มแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์หรือ PCB และกิจการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์“
ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนให้กับอุตสาหกรรมหลักของไทย อย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินลงทุนนี้จะช่วยหนุนให้เกิดการเติบโตของการจ้างงานบุคลากรไทย การพัฒนาทักษะและเทคโนโลยี การส่งออก รวมถึงการเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยบีโอไอจะเร่งผลักดันโครงการสำคัญให้ลงทุนจริงได้เร็วที่สุดผ่านกลไก Thailand FastPass ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม