KEY
POINTS
นายอรรถพล กฤษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้เชิญการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ,การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ,การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เข้าร่วมประชุม เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย สัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะอาดตรง หรือไดเร็ก พีพีเอ (Direct PPA) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายควิก บิ๊ก วิน (Quick Big Win) ที่วางแผนจะเริ่มโครงการภายในเดือนม.ค. 69
ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ กระทรวงพลังงาน และ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อติดตามผลการดำเนินงานและศึกษาผลกระทบในทุกมิติ
สำหรับโครงการไดเร็ก พีพีเอดังกล่าว คาดว่าจะสามารถสร้างเงินลงทุนกว่า 65,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานได้กว่า 3,000 ตำแหน่ง ซึ่งโครงการนี้ภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงานเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งประกอบไปด้วย
ไดเร็ก พีพีเอ จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ รองรับอุตสาหกรรมดาต้า เซ็นเตอร์ , การพัฒนาระบบไฟฟ้ารองรับอุตสาหกรรมเขตภาคตะวันออก การพัฒนาระบบผลิตและระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC)
รวมถึงโซลาร์ภาคเกษตรตามนโยบายควิก บิ๊ก วิน และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ผ่านกลไกกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ส่วนความคืบหน้าการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือแผนพีดีพี 2026 (PDP 2026) จะจัดตั้งคณะกรรมการฯ ชุดใหม่ก่อน คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ปลายเดือน ต.ค.นี้ โดยทำงานคู่ขนานกันไป ซึ่งจะพยายามให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 69
โดยแผนพีดีพี 2026 จะทบทวนรายละเอียดให้การผลิตไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์กับเป้าหมาย Net Zero 2050 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิม 15 ปี ผ่านการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้น และจะเดินหน้าโครงการพัฒนาการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) คาดว่า จะสามารถเริ่มกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ได้ภายในปี 2577 และระหว่างปี 2577 ถึงปี 2607 (30 ปี) จะสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ได้ 6.4 ล้านตันต่อปี