KEY
POINTS
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการของบีโอไอ ได้อนุมัติส่งเสริมการขยายการลงทุนโครงการประกอบและทดสอบชิป (Wafer Testing, IC Packaging and Testing) บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดโลก โดยมีมูลค่าลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ทำให้ยอดรวมถึงปัจจุบัน บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 12 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 38,000 ล้านบาท
สำหรับไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์)นั้น เป็นบริษัทในเครือ Microchip Technology Inc. ผู้นำระดับโลกด้านเซมิคอนดักเตอร์และระบบควบคุมอัจฉริยะ โดยผลิตชิปประเภทไมโครคอนโทรลเลอร์ ชิปอะนาล็อกและการจัดการพลังงานที่เป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ทั้งยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สื่อสารและโทรคมนาคม ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมอวกาศ บริษัทมีลูกค้ากว่า 1 แสนราย ในกว่า 120 ประเทศ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
โดยในประเทศไทยไมโครชิพมีโรงงานประกอบและทดสอบชิปโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง 2 แห่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบันจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 4,500 คน ในจำนวนนี้เป็นวิศวกรไทย 440 คน ถือเป็นฐานการประกอบและทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในเครือ
ซึ่งกว่า 90% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของไมโครชิพทั่วโลกจะถูกส่งมาทดสอบที่โรงงานในไทยแห่งนี้ก่อนจำหน่ายให้กับลูกค้า โดยกิจการในไทยครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบวงจรรวมบนแผ่นซิลิคอนเวเฟอร์ การประกอบและทดสอบชิป การเป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
รวมถึงการสนับสนุนด้านวิศวกรรม เทคนิคการผลิต และเทคโนโลยีการตรวจสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์แก่บริษัทในเครือทั่วโลก สำหรับการขยายการลงทุนรอบใหม่นี้ เน้นเพิ่มขีดความสามารถการประกอบและทดสอบชิปขั้นสูง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดโลก
นอกจากนี้ ไมโครชิพยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรไทย โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา 21 แห่ง ทั้งระดับปริญญาตรีและอาชีวศึกษา รวมถึงโครงการสหกิจศึกษา เพื่อพัฒนาบุคลากรขั้นสูงด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ได้สั่งสมในฐานการผลิตในไทย ทำให้โรงงานในไทยเป็นหนึ่งในศูนย์ความรู้ที่ใช้อบรมและพัฒนาวิศวกรของบริษัทจากต่างประเทศอีกด้วย
“การที่บริษัทไมโครชิพ หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมชิประดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ได้ลงทุนและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย จนกลายเป็นศูนย์ประกอบและทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเครือ อีกทั้งยังสนับสนุนให้วิศวกรไทยมีบทบาทสำคัญในการร่วมออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและทดสอบ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในขีดความสามารถของบุคลากรไทย และศักยภาพของไทยในการเป็นฐานที่มั่นสำคัญสำหรับการเติบโตของบริษัทในระยะยาว ซึ่งการขยายการลงทุนครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในไทย และสนับสนุนให้ไทยเดินหน้าสู่เป้าหมายชิปเมดอินไทยแลนด์”