KEY
POINTS
วันนี้ ( 28 ตุลาคม 2568 ) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกาลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนในแร่ธาตุสำคัญระดับโลก โดยเฉพาะแร่หายาก หรือ Rare Earth ว่า ประเด็นดังกล่าวเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ได้พิจารณามาดีแล้ว โดยเฉพาะการสร้างสมดุลกันระหว่างชาติมหาอำนาจระหว่างสหรัฐฯ และจีน
“คิดว่านายกต้องคิดมาแล้วว่าเป็นการสร้างความสมดุล เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้ประเทศไทยอยู่ตรงกลาง ดังนั้นจะบริหารประเทศอย่างไรที่จะสร้างความสมดุลของอำนาจระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งตรงนี้เป็นความยอดเยี่ยมของนายกฯ คิดมาตลอด และไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยที่สุดจะมีการศึกษาพัฒนา และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามา”
ส่วนประเด็นที่มองว่า ประเทศไทยจะเสียเปรียบนั้น เห็นว่า ไม่อยากให้มองไปถึงขั้นนั้น เนื่องจากประเทศไทยเปิดกว้าง และการจัดทำบันทึกข้อตกลงก็สามารถทำกับประเทศอื่นได้ เช่น ออสเตรเลีย เพราะในวันนี้เรานำเข้าแร่ตรงนี้จากออสเตรเลีย เข้ามาและตกแต่งก่อนจะส่งออก ซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้มีความปิดกั้น และสิ่งสำคัญที่สุดคือในการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล
นายธนกร ย้ำว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีผลผูกพันทางกฎหมาย และประเทศไทยสามารถยกเลิกได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าการดำเนินการครั้งนี้ จะมีประโยชน์ต่อประเทศ เพราะสามารถต่อยอดเทคโนโลยีที่จะนำเข้ามาในประเทศ ส่วนปริมาณแร่หายากในไทยนั้น เชื่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแร่หายากหลายชนิด แต่กระจัดกระจาย และความเข้มข้นต่ำ ไม่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนทำเหมือง
“คิดว่าตรงนี้จะเป็นความร่วมมือ ที่ประเทศชาติจะได้ประโยชน์ แต่ก็ต้องรับฟังเสียงสะท้อนจากฝ่ายต่าง ๆ ด้วย ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า นายกฯ ก็ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลักอยู่แล้ว” นายธนกร ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการมองว่าเรื่องดังกล่าวเหมือนว่าเป็นการลักไก่ของรัฐบาล นายธนกร ชี้แจงว่า คงไม่ใช่ลักไก่ เพราะถ้าลักไก่นายกฯ ก็คงต้องทำคนเดียว แต่ที่ผ่านมาเรื่องการทำ MOU ได้มีกระบวนการ ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งทุก ๆ ฝ่ายได้ปรึกษาและพิจารณาแล้วว่าสามารถทำได้