กระทรวงอุตฯ ยันปมไทย MOU สหรัฐฯ ‘แรร์เอิร์ธ-แร่หายาก’ เสริมแกร่งพลังงานสะอาด

27 ต.ค. 2568 | 11:57 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2568 | 12:05 น.

กระทรวงอุตสาหกรรมยืนยัน MOU ไทย-สหรัฐฯ ไม่เสียเปรียบ เน้นถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาแร่ธาตุสำคัญรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เสริมความมั่นคงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

KEY

POINTS

  • กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงว่า MOU ไทย-สหรัฐฯ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด
  • ยืนยันว่าไทยยังไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในเชิงพาณิชย์ ทำให้การลงนามครั้งนี้ไม่ทำให้ประเทศเสียเปรียบ
  • MOU ฉบับนี้ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย และหากมีการลงทุนในอนาคต ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด

ตามที่ นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. เชียงใหม่ พรรคประชาชน มีข้อกังวลและข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 นั้น

นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ออกมาชี้แจงโดยยืนยันว่า การดำเนินการในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและประชาชนอย่างแท้จริง โดยเน้นการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

 

นางสาวภาดาท์ เปิดเผยว่า MOU ดังกล่าว เป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นภายใต้หลักการการส่งเสริมการค้าและการลงทุน และการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมแร่ธาตุสำคัญเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะแร่ธาตุที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาด

กระทรวงอุตฯ ยันปมไทย MOU สหรัฐฯ ‘แรร์เอิร์ธ-แร่หายาก’ เสริมแกร่งพลังงานสะอาด

ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธหรือแร่หายาก มีเพียงการค้นพบแร่หายากบางชนิดในลักษณะกระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งยังไม่มีศักยภาพมากพอในเชิงพาณิชย์ ดังนั้น การลงนามครั้งนี้ยังไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบแต่อย่างใด รวมถึงบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ‘ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย’ 

และหากเมื่อถึงเวลาที่จะมีการลงทุนในประเทศไทยจริง ผู้ประกอบการทุกรายก็จะต้องปฏิบัติตามกฏหมาย และระเบียบข้อบังคับของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด รวมถึงมาตรการในการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างเข้มงวด

“ฉะนั้น ขอยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติ การลงนาม MOU นี้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และสร้างความมั่งคั่งให้แก่ประชาชนทุกคน” นางสาวภาดาท์กล่าว