KEY
POINTS
ท่ามกลางยุคที่ใครครอบครอง “แร่หายาก” ได้ ย่อมถือกุญแจสำคัญสู่เทคโนโลยีโลก ไทยกลับกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของเอเชีย หลังรายงานล่าสุดของ USGS และ Investing News Network (INN) ปี 2024 จัดให้ประเทศไทยขึ้นแท่น “ผู้ผลิตแร่หายากมากที่สุดอันดับ 6 ของโลก” ด้วยปริมาณการผลิตกว่า 13,000 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นถึง 261% ภายในปีเดียว คำถามสำคัญคือ“แร่หายากเหล่านี้ซ่อนอยู่ที่ไหนในแผ่นดินไทย?”
ขุมทรัพย์ใต้ดินไทย: จากโคราชถึงบุรีรัมย์
พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยเฉพาะนครราชสีมาและบุรีรัมย์ กำลังถูกจับตามองในฐานะแหล่งแร่หายากธรรมชาติที่มีศักยภาพสูง จากการสำรวจทางธรณีวิทยาพบว่ามีตะกอนแร่ที่อุดมไปด้วยธาตุในกลุ่ม Rare Earth Elements (REEs) เช่น นีโอไดเมียม (Nd), พราซิโอดิเมียม (Pr), ดิสโพรเซียม (Dy) และ อิตเทรียม (Y)
ธาตุเหล่านี้คือหัวใจของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตั้งแต่มอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม ชิปคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงสมาร์ทโฟนและระบบดาวเทียม หากไม่มีแร่หายาก โลกก็อาจไม่มี Tesla, iPhone หรือแม้แต่เทคโนโลยีป้องกันประเทศขั้นสูง
โรงงาน “Neo Magnequench” จุดประกายโครงสร้างห่วงโซ่ในไทย
หนึ่งในหมุดหมายสำคัญของไทยคือ โรงงาน Neo Magnequench ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก โรงงานแห่งนี้ถือเป็นหัวใจของห่วงโซ่อุปทานแร่หายากในภูมิภาค
การขยับตัวของบริษัทข้ามชาติอย่าง BYD (จีน) ที่ลงทุนกว่า 486 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 หมื่นล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ยังสะท้อนถึงการวางตำแหน่งของประเทศให้เป็น “จุดศูนย์กลางซัพพลายเชนแร่หายากแห่งอาเซียน”
ไทยผู้ผลิตแร่หายากอันดับ 6 ของโลก
รายงานปี 2024 จัดอันดับประเทศผู้ผลิตแร่หายากสูงสุดของโลกไว้ดังนี้
1. จีน 270,000 เมตริกตัน
2. สหรัฐฯ 45,000 เมตริกตัน
3. เมียนมา 31,000 เมตริกตัน
4. ออสเตรเลีย 13,000 เมตริกตัน
5. ไนจีเรีย 13,000 เมตริกตัน
6. ไทย 13,000 เมตริกตัน
7. อินเดีย 2,900 เมตริกตัน
8. รัสเซีย 2,500 เมตริกตัน
9. มาดากัสการ์ 2,000 เมตริกตัน
10. เวียดนาม 300 เมตริกตัน
การที่ไทยก้าวขึ้นมาแซงหลายประเทศในยุโรปและเอเชียภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ถือเป็น “การเติบโตเร็วที่สุดในโลก” ในกลุ่มผู้ผลิตแร่หายาก
ศักยภาพเชิงยุทธศาสตร์ไทยยุคสงครามแร่หายาก
“สงครามแร่หายาก” ระหว่างสหรัฐฯ และจีน กำลังผลักดันให้หลายประเทศเร่งหาซัพพลายเชนนอกจีน และไทยคือหนึ่งในหมุดยุทธศาสตร์ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการ
• โลเคชันทองคำ: ตั้งอยู่กลางภูมิภาคอาเซียน เชื่อมโยงเส้นทางการค้าและแหล่งทรัพยากรของจีน–ลาว–มาเลเซีย
• นโยบาย BCG และ EV Hub: รัฐบาลไทยผลักดันเศรษฐกิจสีเขียวและยานยนต์ไฟฟ้า หนุนการใช้ประโยชน์จากแร่หายากในประเทศ
• การลงทุนต่างชาติทะลัก: นักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น แคนาดา และยุโรปเร่งเข้ามาจับจองฐานผลิต
ขุมพลังแห่งอนาคต ดันไทยสู่ฮับแปรรูป Rare Earths
หากไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยี การสกัดและรีไซเคิลแร่หายากได้เอง จะสามารถก้าวจาก “ผู้ผลิตดิบ” สู่ “ศูนย์กลางการแปรรูปแร่หายากของอาเซียน” ได้อย่างเต็มตัว
ในโลกที่ทุกประเทศกำลังเร่งสร้างเศรษฐกิจพลังงานสะอาด แร่หายากจึงไม่ใช่เพียงทรัพยากรธรรมดา แต่คือ “น้ำมันใหม่” ของศตวรรษที่ 21