KEY
POINTS
วันนี้ (28 ตุลาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกฯ ติดภารกิจการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 25 - 28 ตุลาคม 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย
สำหรับวาระสำคัญที่คาดว่าจะเสนอเข้ามาในที่ประชุมครม. พิจารณาวันนี้ จับตากระทรวงพลังงาน เสนอโครงการไฟฟ้าชุมชน ลดค่าไฟให้ประชาชน เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายในการผลักดันและขับเคลื่อนโครงการไฟฟ้าชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระดับท้องถิ่น และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของประชาชนทั่วประเทศ หลังจากเรื่องดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากครม.เศรษฐกิจแล้ว
สำหรับโครงการสำคัญที่จะเสนอเข้ามา ประกอบด้วย โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน เป้าหมายรวม 1,500 เมกะวัตต์ โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสูงถึง 30,000 ล้านบาท สร้างงานกว่า 1,700 ตำแหน่ง และขายไฟฟ้าให้ชุมชนใกล้เคียงผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วยราคาส่วนลดประมาณ 40-80 สตางค์ต่อหน่วย ครอบคลุม 1.2 ล้านครัวเรือน ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้เกือบ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
เช่นเดียวกับโครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เตรียมดำเนินการทั้งหมด 1,200 ระบบ ใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 5,800 บาทต่อไร่ต่อปี จำนวน 200 จุด ประปา 5,000 แห่ง ครอบคลุม 700,000 กว่าครัวเรือน ลดการปล่อย CO2 ประมาณ 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
รวมทั้งโครงการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี กำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ บ้านอยู่อาศัย (ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 (เฉพาะบ้านอยู่อาศัย)) จำนวน 90,000 ครัวเรือน และเป็นผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 40 (1) - 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล มีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 3 ปี
ทั้งนี้สามารถนำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท คาดว่าจะทำให้การไฟฟ้าสูญเสียรายได้จากการขายไฟฟ้าประมาณ 2,466.24 ล้านบาท และภาครัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษี 2,700 ล้านบาท แต่จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจากการลงทุนประมาณ 20,250 ล้านบาท ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 0.28 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพ 450 คน
อีกทั้งยังมีโครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อน (FPV) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยโครงการนี้มีการลงทุน 53,368 ล้านบาท เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 140,440 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 450 คน และโครงการการส่งเสริมการติดตั้ง ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน แสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานของรัฐ โดยมีการลงทุน 9,000 ล้านบาท คาดว่า หน่วยงานของรัฐ จะสามารถประหยัดงบประมาณค่าไฟฟ้า ได้สูงถึง 9,000 ล้านบาทต่อปี
ส่วนวาระอื่น ๆ มีดังนี้
กระทรวงยุติธรรม เสนอขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณย่านพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
กระทรวงวัฒนธรรม เสนอยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. 2551
สำนักงานอัยการสูงสุด เสนอขออนุมัติวงเงินงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีประมาณ เพื่อเช่าที่ดินวัดประดู่ (ร้าง) จังหวัดสุพรรณบุรี โฉนดเลขที่ 12026 ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอข้อเสนอแนะกรณีเด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในประเทศไทย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอข้อเสนอแนะกรณีการดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (แฟลตดินแดง) กระทบต่อมาตรฐานการครองชีพของผู้อยู่อาศัยเดิม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอข้อเสนอแนะกรณีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปรับเปลี่ยนลักษณะการจ้างงานในตำแหน่งธุรการโรงเรียนและนักการการโรงจากลูกจ้างชั่วคราวเป็นการจ้างเหมาบริการ ซึ่งมีลักษณะการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอข้อเสนอแนะในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทย
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอรายงานต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐของรัฐธธรรมนูแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 เรื่อง การบริหารจัดการทางเท้าสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครแบบบูรณาการ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เสนอมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในโครงการจัดหาอาวุธปืนสวัสดิการ