'อนุทิน' แจง MOU แรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ เปิดทางหาความรู้-เทคโนโลยี

27 ต.ค. 2568 | 09:36 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2568 | 09:47 น.

นายกฯ อนุทิน แจงปม MOU แรร์เอิร์ธ แร่ธาตุหายาก ไทย-สหรัฐฯ ให้ความมั่นการลงนาม MOU อยู่ภายใต้หลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทย เป้าหมายเพื่อแสวงหาความรู้และเทคโนโลยี

KEY

POINTS

  • นายกฯ ชี้แจง MOU แร่ธาตุหายากกับสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการพัฒนาทรัพยากรในไทย
  • การดำเนินการทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย หลักธรรมาภิบาล และความเป็นธรรม โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
  • MOU ฉบับนี้เป็นเพียงบันทึกความเข้าใจ ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย และสามารถยกเลิกได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหากเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์

วันนี้ (27 ตุลาคม 2567) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงชัดเจน การลงนาม MOU ว่าด้วยการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน ระหว่างไทย- สหรัฐฯ ต้องอยู่ภายใต้ความเป็นธรรม หลักธรรมาภิบาล และภายใต้กฎระเบียบ กฎหมายของไทย ไม่ผิดต่อหลักรัฐธรรมนูญ 

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน ต้องเข้าใจ ว่า แรร์เอิร์ธ หมายถึงแร่ธาตุที่หายาก เป็นคำศัพท์กว้าง ๆ ทุกวันนี้แร่ธาตุสามารถนำไปผลิตเป็นสินค้าลดต้นทุน และทำให้เกิดประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพของสินค้าได้ 

นายกฯ ระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้ลงไปดูอย่างเต็มที่ หากมีแร่หายากสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกในอนาคต สหรัฐฯ จึงอยากขอมีส่วนร่วมในการเข้ามาพัฒนา ซึ่งเรามีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้พัฒนา องค์ความรู้ไม่พอ เราจึงต้องแสวงหาเทคโนโลยีเข้ามา 

นายกฯ ให้ความมั่นใจว่า MOU จะต้องอยู่ภายใต้ความเป็นธรรม หลักธรรมาภิบาล และภายใต้กฎระเบียบ กฎหมายของไทย ไม่ผิดต่อหลักรัฐธรรมนูญ ซึ่งเงื่อนไขทั่วไปที่ยอมรับได้ 

นายกฯ กล่าวเนื้อหา MOU ว่า มีวัตถุประสงค์หลักคือการแสวงหาความร่วมมือด้วยกัน ซึ่งความร่วมมือก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย และไม่มีการจำกัดให้ทั้ง 2 ฝ่าย เปิดโอกาสไปหาความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ และไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย เมื่อถึงเวลาอันควรดูแล้วไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้ากันต่อไป คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็สามารถยกเลิกข้อสัญญานี้ได้เลย โดยไม่ต้องรับการยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง นี่คือ MOU จริง ๆ เป็นบันทึกความเข้าใจ 

“เข้าใจกันอย่างนี้ แต่ไม่ได้ผูกพันธ์อะไร แต่หากวันหนึ่งเข้าใจเป็นอย่างอื่นก็เลิกแล้วต่อกัน เพราะถ้าจะทำให้เข้มข้นกว่านี้ ต้องทำให้เป็น Agreement ไม่ใช่ Understanding หรือเป็น Agreement Contract หรือ Trearty สนธิสัญญาที่มีการผูกมัดกันทางกฎหมายมากกว่า” นายกฯ ระบุ