KEY
POINTS
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 24–28 ต.ค.นี้ จะเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 26 การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จากนั้นจะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปก และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-1 พ.ย.68 ที่เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับการประชุมคณะมนตรีฯ อาเซียน จะหารือถึงการรับมือความไม่แน่นอนจากภูมิเศรษฐศาสตร์ของโลก เพื่อเร่งเสริมการค้า การลงทุนในภูมิภาค และผลักดันการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) ซึ่งเป็นวาระสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจใหม่ของภูมิภาคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ขณะที่การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 จะร่วมลงนามความตกลง 2 ฉบับ ได้แก่ พิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน และพิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน โดยมีผู้นำของอาเซียน รวมถึงนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร่วมเป็นสักขีพยาน
นางศุภจี กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯ ว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน วันที่ 26-28 ต.ค.นี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อาเซียนจะมีโอกาสหารือกับคู่เจรจา และจะมีผู้แทนของสหรัฐฯเดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วยนั้น ไทยจะถือโอกาสนี้หารือทวิภาคีกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีตอบโต้ที่เก็บจากไทยอัตรา 19% และรายละเอียดต่างๆ ที่จะบรรจุอยู่ในความตกลงว่าด้วยภาษีตอบโต้ไทย-สหรัฐฯ หากสามารถเจรจาเรื่องใดที่เป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายได้ตามที่ต้องการ ก็อาจจะตกลงกัน
ส่วนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของคณะเจรจาด้านเทคนิค ที่จะหารือในรายละเอียดของแต่ละเรื่องกันต่อไป แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน ซึ่งจะพิจารณา
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาคณะทำงานด้านเทคนิคของไทย หารือในรายละเอียดเรื่องต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ ตกตะกอนค่อนข้างมากแล้ว รอคุยรายละเอียดด้านเทคนิคเพิ่มเติม และในระหว่างการประชุมอาเซียน ซัมมิต ไทยจะเจรจาสองฝ่ายกับสหรัฐฯ หากตกลงเรื่องใดได้ ก็อาจจะตกลงกัน เพื่อให้การเจรจาจบเร็วตามความตั้งใจของทั้ง 2 ฝ่ายที่ต้องการให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
ด้านการเปิดเสรีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ นั้น จะมีการเพิ่ม หรือถอดรายการสินค้าที่ไทยจะเปิดเสรีนำเข้าหรือไม่นั้น ต้องคุยในรายละเอียดกันต่อ และคณะทำงานยุทธศาสตร์ฯ จะเป็นผู้พิจารณา แต่ยืนยันว่า ในการเจรจา จะคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ทั้งนี้ หากสามารถเจรจาจบภายในสิ้นปีนี้ หลังจากนั้น ไทยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ ก่อนลงนามความตกลงฯร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป