อึ้ง! เกาะสมุย พะงัน พบธุรกิจเสี่ยงนอมินี 7,000 ราย ชงนายกฯ ตั้งบอร์ดปราบ

15 ต.ค. 2568 | 06:59 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ต.ค. 2568 | 07:40 น.

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยผลตรวจเข้ม เกาะสมุย–พะงัน พบกลุ่มเสี่ยงเป็นนอมินี กว่า 7,000 ราย ส่วนใหญ่ทำธุรกิจอสังหาฯ โรงแรม และร้านอาหาร ชงนายกฯตั้งคณะกรรมการฯชุดใหม่ ปรับแผนตรวจแบบพุ่งเป้า

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการจับกุมชาวต่างด้าว ถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประกอบธุรกิจบนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จากข้อมูลเบื้องต้นที่กรมฯ เข้าไปตรวจสอบเชิงรุกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีธุรกิจที่เข้าค่ายกลุ่มเสี่ยงเป็นนอมีนิ มากกว่า 7,000 ราย

โดยพบว่ามีการประกอบกิจการตั้งแต่รายเล็ก-รายใหญ่ ส่วนใหญ่ทำธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ อาทิ คอนโดมิเนียม  ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้นจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ในเกาะสมุย และพะงัน มีชาวต่างชาติทั้งชาวยุโรป และประเทศอื่นๆ เข้ามาทำธุรกิจจำนวนมาก มีทั้งรายใหญ่ รายกลางและรายเล็กที่มีการใช้คนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการเสนอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย นำโดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน

โดยจะมีการบูรณาการหลายหน่วยเข้ามาทำงานร่วมกัน อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

“หลังจากได้มีการปรับเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ จึงทำให้คณะกรรมการชุดเดิมได้มีการหมดวาระตามไปด้วย ซึ่งตอนนี้ได้มีการเสนอร่างคณะกรรมการฯ ให้กับนายกรัฐมนตรีแล้ว”  

ทั้งนี้ กรมฯ ได้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย และมีมติตั้งอนุกรรมการฯ 4 ชุด ได้แก่

  • คณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการจดทะเบียนธุรกิจ
  • คณะอนุกรรมการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ
  • คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบบัญชีธุรกิจ
  • คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กรมฯ ได้การมีตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีธุรกิจเข้าข่ายนอมินี 46,900 บริษัททั่วประเทศ โดยมี 6 กลุ่มธุรกิจเสี่ยง ได้แก่ 1. ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง 2. ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ 3. ธุรกิจ e-Commerce ขนส่ง คลังสินค้า 4. ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท 5. ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร 6. ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป 

ทั้งนี้เพื่อให้การตรวจสอบนอมินีมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้สั่งให้กรมปรับแผนการตรวจสอบนอมินีใหม่ทั้งหมด โดยเน้นตรวจสอบแบบพุ่งเป้าและเชิงลึกมากขึ้น โดยเพิ่มเงื่อนไขในการตรวจสอบในละเอียดและตรงเป้ามากขึ้น  ซึ่งจะทำให้จำนวนนิติบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงปรับลดลงเหลือเพียงหลักพันราย