นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังศึกษาการปรับโครงสร้างการลดหย่อนภาษีครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักคือ กำหนดเพดาน (Ceiling) ให้ชัดเจน เนื่องจากปัจจุบันรายการลดหย่อนภาษียัง "สะเปะสะปะมาก ไม่มีกรอบที่ชัดเจน" จึงต้องการกำหนดเพดานสูงสุด (ceiling) เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าในแต่ละปีจะมีเพดานรวมเท่าไหร่
การปรับโครงสร้างครั้งนี้ "ไม่น่าจะต้องแก้กฎหมายใหม่" เพราะเป็นการดำเนินการในระดับ กฎกระทรวง โดยจะมีการนำเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐในช่วง เดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ เพื่อหาข้อสรุป
สำหรับรายการลดหย่อนภาษีปี 2568 พบว่า มีทั้งหมด 24 รายการ
ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว มี 6 รายการ ประกอบด้วย
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไข
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท ต้องจดทะเบียนสมรสและคู่สมรสต้องไม่มีรายได้
- ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตรครรภ์ละไม่เกิน 60,000 บาท โดยจ่ายให้สถานพยาบาล (สิทธิลดหย่อนเป็นของภรรยา)
- ค่าลดหย่อนภาษีบุตร 30,000 บาท/คน (บุตรคนที่ 2 ขึ้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี 61 ได้ 60,000 บาท/คน) บุตรตามกฎหมาย/บุตรบุญธรรม (มีเงื่อนไขเรื่องอายุและสถานะการศึกษา/ไร้ความสามารถ)
- ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบิดามารดาคนละ 30,000 บาท (สูงสุด 4 คน = 120,000 บาท) บิดามารดาต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท (ห้ามใช้สิทธิซ้ำซ้อนระหว่างพี่น้อง)
- ค่าลดหย่อนอุปการะผู้พิการ/ทุพพลภาพคนละ 60,000 บาท ผู้พิการมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี มีบัตรผู้พิการและหนังสือรับรองการอุปการะ
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน มี 11 รายการ
รายการในกลุ่มนี้มีหลายรายการที่ต้องระวัง เพดานรวมกัน เช่น กลุ่มวางแผนเกษียณรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินประกันสังคมตามที่จ่ายจริง (สูงสุด 9,000 บาท)
- เบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์สูงสุด 100,000 บาทคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป (รวมกับประกันสุขภาพไม่เกิน 100,000 บาท)
- เบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสุขภาพสูงสุด 25,000 บาท(รวมกับประกันชีวิตฯ ต้องไม่เกิน 100,000 บาท)
- เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดาสูงสุด 15,000 บาท บิดามารดามีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี
- เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterpriseสูงสุด 100,000 บาท
- กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) 30% ของเงินได้ (สูงสุด 300,000 บาท) มีวงเงิน 2 ส่วน (ลงทุนใหม่/สับเปลี่ยน LTF)
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) 30% ของเงินได้ (สูงสุด 500,000 บาท) เป็นกลุ่มที่ต้องรวมกันกับรายการวางแผนเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) / กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน 15% ของเงินได้ (สูงสุด 500,000 บาท)
- กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ (กบข.) 30% ของเงินได้ (สูงสุด 500,000 บาท)
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่จ่ายจริง (สูงสุด 30,000 บาท)
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ 15% ของเงินได้ (สูงสุด 200,000 บาท) คุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค มี 3 รายการ ประกอบด้วย
- เงินบริจาคทั่วไปตามที่จ่ายจริง (สูงสุด 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน)
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ และสถานพยาบาลของรัฐ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง (สูงสุด 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน)
- เงินบริจาคให้กับพรรคการเมืองสูงสุด 10,000 บาท
ค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ มี 4 รายการ ประกอบด้วย
- Easy e-Receipt 2568 ไม่เกิน 50,000 บาท ค่าซื้อสินค้า/บริการที่มี e-Tax Invoice/e-Receipt ระหว่าง 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 2568
- ค่าลดหย่อนติดตั้งโซล่าร์เซลล์ สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 200,000 บาทจ่ายจริง (รอประกาศเป็นกฎหมาย)
- ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัยไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าสร้างบ้านใหม่ 2567-2568 ไม่เกิน 100,000 บาท 10,000 บาทต่อทุก 1 ล้านบาทของค่าก่อสร้าง (ตามสัญญาจ้าง 9 เม.ย. 67 – 31 ธ.ค. 68)