KEY
POINTS
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ) เปิดเผยในงาน Thailand Economic Outlook 2026 "Out of The Trap" จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลก ประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ทำให้มีการเปลี่ยนการค้า มีการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการตั้งปรับตัว นอกจากนี้เรื่องการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ที่มีการตกลงกันไว้ 19% ทำให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆได้ อย่างไรก็ตามเราต้องพยายามเจรจราเรื่องต่าง ๆให้จบภายในปลายปีนี้
ทั้งนี้สหรัฐ เป็นคู่ค่าสำคัญของไทย มีทั้งโอกาสและความท้าทาย หลายประเทศต้องหาคู่ค้าใหม่เพื่อรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ ขณะที่นโยบายการเงินของสหรัฐ มีแนวโน้มลดลงส่งผลต่อไทย ทำให้เงินบาทแข็งค่ากระทบส่งออก ทำความสามารถแข่งขันเราลดน้อยลง
อีกทั้งยังต้องจับตาความผันผวนของราคาพลังงาน แม้อุปทานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพบางส่วน แต่ก็สะท้อนอุปสงค์ที่ชะลอตัวในอีกด้านเช่นกัน
ปัจจุบันโลกเผชิญ 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ 1. DEGLOBALIZATION การค้าเสรี มีการชเจรจามากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรให้เราอยู่ในห่วงโซ่ซัพพลายเชนมีการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่มูลค่าในระดับภูมิภาค 2. DECARBONIZATION นโยบายการค้าที่มุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เช่น มาตรการ CBAM ของ สหภาพยุโรป จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสามารถในการแข่งขัน ในระยะยาว ไทยต้องเร่งปรับมาตรฐานการผลิต และปรับกฎระเบียบภายในประเทศให้สอดรับกัน 3. DIGITALIZATION การปรับตัวการนำเทคโนโลยีมาใช้ 4. DIMOGRAPHICS ประเทศไทยมีปัญหาจำนวนประชากรน้อยลง และเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย การบริโภคลดลง ความท้าทายของการผลิตภาพการผลิตของประเทศ
นางศุภจี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน การเจริญโตของประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง GDP ของไทยเติบโตช้าลง อย่างเห็นได้ชัดจากเดิม 5% เหลือ 3% และปัจจุบัน คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.8% -2.3% ขณะที่เงินเฟ้อต่ำ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 (-0.7%) จากราคาพลังงานและราคาอาหารสดที่ลดลง แต่ก็สะท้อนเศรษฐกิจภาพใหญ่ที่มีแนวโน้มชะลอตัวด้วย และผลิตภาพแรงงานลดลง ตลาดแรงงานไทยเผชิญข้อจํากัดเชิงโครงสร้าง สังคมสูงวัยจะการลงทุนในทักษะใหม่ ๆ ลดลง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ 3 ด้าน 7 นโยบายหลัก ได้แก่ 1. เสริมรายได้ฐานรากและสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้เกษตรกร โดยรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและดูแลต้นทุนผ่านโครงการ “ธงเขียว” 2. สร้างตลาดใหม่และขยายการค้า โดยปัจจุบันไทยมี FTA แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ และตั้งเป้าจะให้ FTA ไทย–สหภาพยุโรป และไทย–เกาหลีใต้ สำเร็จภายในปี 2568 และ 3. ลดภาระค่าครองชีพและพยุงกำลังซื้อ เช่น ความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยเพื่อลดค่าขนส่งสินค้า และดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนใน 7 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา โดยทุกมาตรการสามารถดำเนินการได้ภายใน 4 เดือน
นอกจากนี้ ยังเสนอแนวทางเสริมศักยภาพประเทศใน 3 ด้าน คือ 1. ปรับโครงสร้างการค้าสินค้าเกษตรสู่เกษตรแม่นยำ เปลี่ยนจากระบบผลิตตามอุปทาน (Supply-driven) สู่การผลิตตามความต้องการตลาด (Demand-driven) 2. มุ่งสู่ตลาดอาหารแห่งอนาคต พัฒนาแบรนด์และนวัตกรรมอาหารให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Future Food ของภูมิภาค และ 3. พัฒนาระบบนิเวศทางการค้าสู่ดิจิทัล ยกระดับเศรษฐกิจไปสู่ Value-based Economy ผ่านเทคโนโลยีและระบบ Trade Intelligence รวมถึงบริการแพลตฟอร์ม “MOC+” แบบ One-stop Service
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของไทยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย อาทิ 1. ที่ตั้งภูมิศาสตร์ สิ่งนี้เป็นจุดแข็งของประเทศ คือศูยน์กลางการผลิต หากมาผลิตสินค้าที่ไทย แกนกลางห่วงโซ่อุปทานโลก จากการเคลื่อนย้า ห่วงโซ่การผลิตของบริษัทข้ามชาติ 2.องค์ความรู้ และภูมิปัญญา คือ ประเทศก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ฉะนั้นต้องการพัฒนาการแพทย์สมัยใหม่ สนับสนุนการพัฒนา สินค้ามูลค่าสูง G Wellness Economy 3. ครัวไทยสู่โลก ซึ่งไทยมีศักยภาพการเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ปลอดภัยของโลก 4. Green Economy คือเรื่อง Sustainability สู่ศักยภาพการแข่งขันไทยในตลาดโลก
นอกจากนี้ นางศุภจี ยังเสนอแนวทางเสริมศักยภาพประเทศใน 3 ด้าน คือ 1. ปรับโครงสร้างการค้าสินค้าเกษตรสู่เกษตรแม่นยำ เปลี่ยนจากระบบผลิตตามอุปทาน (Supply-driven) สู่การผลิตตามความต้องการตลาด (Demand-driven) 2. มุ่งสู่ตลาดอาหารแห่งอนาคต พัฒนาแบรนด์และนวัตกรรมอาหารให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Future Food ของภูมิภาค และ 3. พัฒนาระบบนิเวศทางการค้าสู่ดิจิทัล ยกระดับเศรษฐกิจไปสู่ Value-based Economy ผ่านเทคโนโลยีและระบบ Trade Intelligence รวมถึงบริการแพลตฟอร์ม “MOC+” แบบ One-stop Service
“สุดท้ายนี้ภาครัฐสร้างความเชื่อมั่น ภาคเอกชนสร้างโอกาส ประชาชนได้รับผลประโยชน์จริง ประเทศไทยจะสามารถหลุดพ้นจากกับดัก ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง ยั่งยืนเมื่อการค้าเดินได้ เศรษฐกิจก็เดินหน้า และเมื่อเศรษฐกิจเดินหน้าประเทศไทยก็เติบโต”