ครม.เห็นชอบ ฟื้น 'ครม.เศรษฐกิจ' อนุทินนั่งหัวโต๊ะ ชงวาระด่วนสกัดบาทผันผวน

07 ต.ค. 2568 | 05:18 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2568 | 09:05 น.

มติครม.ล่าสุด เห็นชอบตั้ง ‘ครม.เศรษฐกิจ’ หรือ คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ นำโดย 'นายกฯอนุทิน' เป็นประธานด้วยตัวเอง เร่งถกวาระสำคัญหาทางสกัดเงินบาทผันผวน

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ฟื้น "ครม.เศรษฐกิจ" ขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธาน
  • ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่จะทำหน้าที่พิจารณาและขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญและเร่งด่วน โดยจะมีการประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า
  • วาระเร่งด่วนที่จะเสนอให้พิจารณาคือแนวทางการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทที่ผันผวน ซึ่งเป็นผลจากความผิดปกติในตลาดการเงิน

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้ง ‘ครม.เศรษฐกิจ’ หรือ คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และเตรียมจัดการประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจัดตั้ง ครม.เศรษฐกิจ ถือเป็นการรื้อฟื้นการประชุมดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้งตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญและเร่งด่วน

 

รายละเอียดคณะกรรมการและการประชุม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจชุดนี้

ซึ่งคาดว่าจะมีการนัดประชุมทุกบ่ายวันจันทร์ เพื่อให้การตัดสินใจด้านเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องและเป็นระบบ คาดว่าการประชุมครั้งแรกจะเริ่มได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ หรือตามมติล่าสุดคือจะมีการประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า

วาระเร่งด่วนที่รอเข้าสู่การพิจารณา

รัฐบาลได้เดินหน้าเต็มสูบในการผลักดันนโยบายเร่งด่วนผ่าน ครม.เศรษฐกิจ สำหรับประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในเร็ว ๆ นี้ อาทิ 

การดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท 

ก่อนหน้านี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวว่าในการประชุม ครม. วันที่ 7 ตุลาคมนี้ จะมีการตั้ง ครม.เศรษฐกิจขึ้นมา โดยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้ ครม.เศรษฐกิจ พิจารณาแนวทางการดูแลความผิดปกติของตลาดการเงินไทย ภายหลังพบว่าตัวเลขค่าความคลาดเคลื่อนสุทธิ (Net Errors and Omissions : NEO) ในบัญชีดุลการชำระเงินของไทยเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติจนกระทบกับค่าเงินบาท

นายเอกนิติได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อติดตามเส้นทางเงิน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบช่องทางที่ผิดปกติ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะต้องนำมาบูรณาการร่วมกันเพื่อนำเสนอมาตรการควบคุมต่อ ครม.เศรษฐกิจ

โฆษกรัฐบาลแถลงรายละเอียด ภารกิจ ครม.เศรษฐกิจ

ต่อมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบในหลักการการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ โดยให้จัดทำเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเกี่ยวกับนโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ทั้ง

  • การสร้างรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน
  • การแก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องทั้งในส่วนของภาคประชาชนและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม (SMEs)
  • การเพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อยให้มีสิทธิซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยสะดวก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม
  • การฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว
  • การเร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า

อย่างไรก็ตามการดำเนินการตามนโยบายข้างต้นรวมถึงโครงการพัฒนาอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน สมควรได้รับการพิจารณากลั่นกรองโดยละเอียดรอบคอบในทุกมิติจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 มาตรา 5 บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งคณะบุคคลประกอบด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและบุคคลอื่นที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องที่จะพิจารณา เพื่อพิจารณากลั่นกรองเรื่องใดก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีก็ได้

ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสม บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล จึงเห็นควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรี (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ) เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก 28 ราย (เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ)

มีอำนาจหน้าที่พิจารณากลั่นกรองเรื่องสำคัญในปัญหา ที่เกี่ยวพันหรือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี ตลอดจนประเมิน วิเคราะห์ และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทาง ตัดสินใจเชิงรุกในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี