'สภาผู้บริโภค' สะกิดรัฐบาล 'ค่าเดินทาง-ค่าไฟ' ยังลดให้ถูกลงได้อีก

04 ต.ค. 2568 | 20:24 น.

'สภาผู้บริโภค' แนะรัฐบาลทำค่าเดินทางไม่เกิน 10% ของค่าแรงขึ้นต่ำ พร้อมเสนอใช้ 'ภาษีล้อ' ลดค่าเดินทางสาธารณะทั่วประเทศ จี้แก้โควตาโซลาร์เซลล์-เปลี่ยน Net Billing เป็น Net Metering แก้ค่าไฟแพง

KEY

POINTS

  • สภาผู้บริโภคเสนอให้รัฐบาลกำหนดเพดานค่าเดินทางไม่ให้เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ และนำ "ภาษีล้อ" ที่จัดเก็บในท้องถิ่นมาสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะให้มีราคาถูก
  • เสนอให้เปลี่ยนระบบการคิดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์จาก "Net Billing" ที่ผู้บริโภคต้องขายไฟคืนในราคาถูก ไปเป็นระบบ "Net Metering" ที่เป็นการหักลบหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้กับที่ใช้ไป
  • เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขอุปสรรคในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ภาคประชาชน เช่น การยกเลิกโควตา ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นอย่างการบังคับเปลี่ยนมิเตอร์ และทำให้กระบวนการขออนุญาตง่ายขึ้น

นางสาวสารี อ่องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ถึงการผลักดันนโยบายเพื่อผู้บริโภคในการลดค่าครองชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตควบคู่ไปกับนโยบายรัฐบาลว่า สภาผู้บริโภคมีนโยบายที่มุ่งเน้นการลดค่าครองชีพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง เราได้เสนอและผลักดันนโยบายสำคัญหลายด้านที่เราเชื่อว่าสามารถทำได้จริง และหลายประเด็นก็สอดคล้องกับทิศทางของรัฐบาลชุดนี้

การลดค่าใช้จ่ายด้านค่าเดินทางและขนส่งสาธารณะ

นางสาวสารี กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่เดินหน้าเรื่อง 20 บาทตลอดสายสำหรับสายสีม่วงและสีแดง การดำเนินการนี้ไม่ได้ช่วยประชาชนเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือรัฐบาลด้วย เพราะสายสีแดงเดิมประสบภาวะขาดทุนอย่างมาก การลดราคาทำให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น และช่วยลดการขาดทุนของสายสีแดงลงไปในตัว

เลขาฯสภาผู้บริโภคเสนอว่า ค่าเดินทางไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของค่าแรงขั้นต่ำ หากค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 350 บาท ประชาชนควรจ่ายค่าเดินทางเพียง 35 บาท และควรให้ค่าโดยสารขึ้นตามค่าแรงเท่านั้น

นอกจากนี้ ประชาชนควรเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะได้ง่าย โดยเดินออกจากบ้านไม่เกิน 500 เมตรก็ควรเจอรถเมล์หรือรถสองแถว

นางสาวสารี อ่องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค

กลไกการใช้ "ภาษีล้อ" เพื่อสนับสนุนขนส่งสาธารณะ

นางสาวสารี เชื่อว่าการทำค่าเดินทางให้ถูกลงสามารถทำได้โดยการใช้เงินจาก "ภาษีล้อ" หรือ ภาษีรถยนต์จากเป็นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ อาทิ กรุงเทพมหานคร มีภาษีล้อประมาณ 16,000 ล้านบาทต่อปี แม้ว่าปัจจุบันภาษีนี้จะถูกนำไปรวมกับงบประมาณรวมของ กทม. เพื่อใช้ในหลายด้าน เช่น การศึกษา สาธารณสุข การทำถนน และการปลูกต้นไม้

ขณะที่ส่วนภูมิภาค อาทิ ขอนแก่น มีภาษีล้อ 800 ล้านบาท ใช้เพียง 200 ล้านบาท คนขอนแก่นก็สามารถขึ้นรถเมล์ฟรีได้ ส่วนภูเก็ต มีภาษีล้อเกือบพันล้านบาท และปัจจุบันได้เริ่มใช้ 20 บาทตลอดสาย พร้อมให้นักเรียนและผู้สูงอายุขึ้นฟรีบนรถ EV

ส่วนกาญจนบุรี นายก อบจ. เคยระบุว่า หากทำรถเมล์ 20 บาทตลอดสาย ตั้งแต่ท่าม่วงไปถึงสุขสวัสดิ์ จะขาดทุนเพียง 12 ล้านบาทต่อปี ซึ่งน้อยกว่าเงินภาษีที่พวกเขามีอยู่มาก

"เราต้องการให้รัฐบาลทำงานร่วมกับท้องถิ่นและ อบจ. ทั่วประเทศ เพื่อจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันกฎหมายได้ปลดล็อกให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดบริการขนส่งสาธารณะได้แล้ว แม้จะต้องขออนุญาตจากกรมขนส่งทางบก แต่ก็ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก"

การลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและการสนับสนุนโซลาร์เซลล์

นางสาวสารี กล่าวว่า สภาผู้บริโภคเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ประชาชนติดตั้งโซลาร์เซลล์ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนโดยตรง

นอกจากนี้ รัฐบาลควรพิจารณาติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับบ้านที่ได้รับความช่วยเหลือด้านค่าไฟ เพื่อลดงบประมาณแผ่นดินในระยะยาว เช่น โมเดลที่ออสเตรเลียตั้งเป้าทำสำเร็จ 1 ล้านครัวเรือน

อย่างไรก็ตามยังมีอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไข ได้แก่ 1. โควตา เดิมมีการจำกัดโควตาสำหรับประชาชนเพียง 9 เมกะวัตต์ ขณะที่ภาคธุรกิจไม่ถูกจำกัด ซึ่งเราหวังว่านโยบายใหม่จะแก้ไขตรงนี้

2. ต้นทุนที่ไม่จำเป็น มีการบังคับให้ประชาชนต้องเปลี่ยนมิเตอร์ แม้ว่ามิเตอร์เดิมจะยังใช้การได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนที่ไม่จำเป็น

3. ความซับซ้อน แม้จะมีการยกเลิกข้อกำหนดให้ต้องมีวิศวกรรับรองสำหรับโซลาร์เซลล์ตามบ้านไปแล้ว แต่กระบวนการโดยรวมยังไม่ราบรื่น ซึ่งนำไปสู่การติดตั้งอย่างผิดกฎหมาย

ส่วนปัญหาเรื่องระบบการคิดค่าไฟ นางสาวสารี กล่าวว่า ปัจจุบันระบบที่ใช้คือ Net Billing ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ประชาชนต้องขายไฟส่วนเกินให้การไฟฟ้าในราคาที่ถูกประมาณ 2.20 บาท แต่ต้องซื้อไฟคืนจากการไฟฟ้าในราคาแพงประมาณ 4 บาท ระบบนี้จะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อผู้บริโภคใช้งานไฟฟ้าในช่วงกลางวันเป็นหลักเท่านั้น เช่น คนทำงานที่บ้าน หรือบ้านที่มีผู้สูงอายุ

"สภาผู้บริโภคเสนอให้เปลี่ยนไปใช้ระบบ Net Metering แทน คือการหักลบหน่วยไฟฟ้า หากบ้านประชาชนผลิตได้ 300 หน่วย และใช้ 500 หน่วย ก็ควรจ่ายค่าไฟเพียง 200 หน่วยที่ขาดไป"นางสาวสารี กล่าว