'ดร.นณริฏ' แนะรัฐลดค่าครองชีพ เน้นกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนจริง

30 ก.ย. 2568 | 00:45 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2568 | 01:02 น.

นักวิชาการ TDRI แนะรัฐลดค่าครองชีพ เช่น ค่าพลังงานและค่าเดินทาง ควรมุ่งเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนจริงอย่างคนยากจนหรือผู้ประสบภัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เสนอการแก้ความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง

KEY

POINTS

  • นักวิชาการ TDRI แนะรัฐบาลอุดหนุนค่าครองชีพ เช่น ค่าพลังงานและค่าเดินทาง แบบมุ่งเป้าเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนจริง เช่น คนยากจน หรือผู้ประสบภัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
  • การช่วยเหลือแบบเป็นวงกว้างจะขาดประสิทธิภาพและเป็นเพียงมาตรการระยะสั้นที่อาจบิดเบือนกลไกตลาดหากใช้นานเกินไป
  • เสนอว่าการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน ต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงแหล่งทุน และการพัฒนาทักษะ ไม่ใช่พึ่งพานโยบายอุดหนุนเพียงอย่างเดียว

ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ให้ความเห็นหลังรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยกำหนดนโยบายเร่งด่วน 15 เรื่องเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ นโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคนละครึ่ง และมาตรการลดค่าครองชีพ เช่น ค่าพลังงานและค่าโดยสาร โดยระบุว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ดีก็มี เช่น กลไกคนละครึ่งมันมีประสิทธิภาพกว่าการแจกเงินตรงๆ ในขณะที่การลดค่าครองชีพมีเหตุผล ถ้าใช้เฉพาะจุด เช่น เน้นที่คนยากจน คนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีชายแดน หรือ จากภัยพิบัติน้ำท่วม

จุดอ่อนก็มีบ้าง เช่น กรณีคนละครึ่งที่แจกผู้ถือบัตรสวัสดิการอาจจะพบกรณีที่คนจนใช้ไม่เต็มสิทธิเพราะไม่มีเงินมาร่วมจ่าย ในขณะที่การอุดหนุนค่าครองชีพ ถ้าทำแบบวงกว้างก็จะขาดประสิทธิภาพ ไปช่วยเหลือคนที่ไม่ได้เดือนร้อนมากๆ เป็นต้น สำหรับงบประมาณที่ใช้ของทั้งโครงการยังไม่แน่ชัด ส่วนที่เป็นคนละครึ่งน่าจะอยู่ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท ถือว่าไม่ได้ใหญ่จนกระทบภาระทางการคลัง และถ้าใช้ตรงเป้าหมายก็จะเกิดประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร

สำหรับค่าเดินทาง ค่าขนส่งและค่าพลังงานก็ถือว่าเป็นรายจ่ายหมวดสำคัญของครัวเรือนและบางส่วนเกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจ แต่การลดค่าครองชีพเป็นได้แค่การช่วยเหลือระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งถ้าใช้นานไปจะเกิดผลเสียเป็นการแทรกแซงกลไกตลาด ทำให้บริโภคมากเกินไป

ส่วนการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานทดแทน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ หรือยานยนต์ไฟฟ้าได้สะดวกขึ้น อ.คิดว่าประชาชนฐานรากจะได้ประโยชน์จริงหรือจะยังจำกัดอยู่กับคนรายได้ปานกลางถึงสูง คาดน่าจะเกิดประโยชน์ เพราะเป็นส่วนที่เกิดผลในระยะยาว และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของโลก โดยแนวทางที่จะทำให้มาตรการพลังงานทดแทนไม่ใช่แค่เรื่องของคนบางกลุ่มแต่สามารถลดค่าใช้จ่ายให้ครัวเรือนส่วนใหญ่ได้จริงนั้น

รัฐจำเป็นต้องวางนโยบายกำหนดทิศทางและให้การสนับสนุนพลังงานทดแทนให้เหมาะสม เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม ลดการผูกขาดของภาคธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม นโยบายอุดหนุนแก้ปัญหาได้แค่ระยะสั้น การแก้ความเหลื่อมล้ำต้องสนับสนุนให้ทุกคนมีโอกาสทางเศรษฐกิจ สามารถเข้าถึงแหล่งทุน มีการฝึกอบรมทักษะ สามารถเข้ามาเป็นผู้ประกอบการที่แข่งขันได้ SME ต้องได้รับการยกระดับ เป็นต้น

รัฐบาลนี้อยู่ได้ไม่นาน แต่สามารถเริ่มต้นแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ เช่น หนี้ครัวเรือน ภาษีทรัมป์ คุณภาพและการเข้าถึงการศึกษา แรงงาน การสร้างนวัตกรรม ปัญหาการผูกขาด ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหาธรรมาภิบาลภาครัฐ ปัญหากฏระเบียบที่ล้าสมัยเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ