นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณี ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดแนวโน้ม เครดิตไทยเป็นลบนั้น ถือเป็นคำเตือนที่เราต้องให้ความสำคัญ และเรื่องวินัยการคลังเป็นเรื่องสำคัญในนโยบายเศรษฐกิจที่นายกฯ มอบหมายมา
ทั้งนี้ แม้มีเวลาสั้นๆ แค่ 4 เดือน แต่จะพยายามตอบโจทย์ความกังวล สร้างความเชื่อมั่นให้ได้ โดยเรื่องการเมืองเราคงพูดอะไรไม่ได้ แต่ในมุมเศรษฐกิจ จะพยายามทำนโยบาย Quick Big Win เร็วใหญ่พอ เป็นประโยชน์ทุกฝ่าย จะฟื้นเศรษฐกิจระยะสั้นให้เร็ว และได้ผลระยะยาว
สำหรับในเรื่องวินัยการคลังนั้น จะเดินหน้าเพิ่มศักยภาพการหารายได้ โดยไม่แก้ไขกฎหมาย เช่น การปฏิรูปรายได้ ยกระดับธรรมาภิบาลการคลัง เพื่อเพื่อตอบโจทย์ของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้วย ซึ่งในเดือนพ.ย.68 นี้ จะมีการทบทวนแผนการคลังระยะปานกลางครั้งใหญ่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เห็นว่า มีแผนชัดเจนที่ปฏิรูปการคลัง สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ว่าทำอะไรบ้าง ที่ทำได้ทำเลย ที่ทำไม่ได้จะทำเป็นแผนไว้ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในระยะยาว
“เรื่องวินัยการคลัง ผมมีความตั้งใจเพราะอยู่กรมจัดเก็บมาหลายแห่ง เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการหารายได้ และการปฏิรูปรายได้โดยที่ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย ทุกนโยบายที่ทำ จะต้องรักษาวินัยการคลังเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น จะมีธรรมาภิบาลการคลัง คือต้องรู้เลยว่า ต้นทุนเท่าไร ประโยชน์เกิดอะไร กำไรเป็นอย่างไร ผลเป็นอย่างไร ทุกคนจะได้เห็น”
นายเอกนิติ กล่าวว่า ในเรื่องฐานะการคลังจะมองสั้นไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เราตั้งใจจะทำไม่ว่าจะทำนโยบายอะไร จะเห็นว่าเราพยายามเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และรักษาวินัยการคลัง โดยงบประมาณปี 69 รัฐบาลก็ใช้งบประมาณเท่าเดิม แต่จะใช้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรงเป้าหมาย และระยะยาวต้องขาดดุลไม่เกิน 3%
นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการลงทุน โดยขั้นตอนการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน จะต้องสะดวกและรวดเร็ว (PPP Track) โดยจะเข้าไปแก้ปัญหา และปลดล็อกเงื่อนไขต่างๆ เช่น การขอใบอนุญาตของหน่วยงาน เป็นต้น ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะระบุให้ชัด และทำให้เกิดขึ้นจริง