KEY
POINTS
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ว่า รัฐบาลได้หารือในประเด็นข้อห่วงใย และได้ขอรับการสนับสนุนจากสมาคมฯ ได้แก่
นอกจากนี้ ยังได้รับฟังความเห็น ความกังวลต่างๆ ของทางสมาคมฯ เราต้องแข่งขันกับภูมิภาคด้วย จะทำอย่างไรให้ระบบการธนาคารของประเทศไทยที่เราเคยเป็นผู้นำกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนนี้ ซึ่งสิ่งใดที่รัฐบาลทำให้ได้ เราก็จะเร่งดำเนินการ
“ผมไม่ได้กังวล เพราะที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ทีมของผมมีทั้งประธานบอร์ดแบงก์เก่า กรรมการแบงก์ และผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงไทยมาก่อน เรื่องเหล่านี้ทุกท่านรับไปหมดแล้ว ผมมีหน้าที่เห็นชอบ และผลักดันตามที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเสนอขึ้นมา“นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ การหารือวันนี้ จะเร่งนำไปสู่การปฏิบัติโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพประเทศไทย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งการท่องเที่ยว บริการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ เกษตรกรรม รวมทั้งอุตสาหกรรมไฮเทค และอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เราได้หารือแนวทางการร่วมมือถึงปัญหาเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีปัญหาเยอะ โดยนายกฯ ได้ให้นโยบายฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เร็ว และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สะสมมายาวนาน
ขณะที่สภาพคล่องของเอสเอ็มอี เราจะพยายามแก้ปัญหาให้เข้าถึงสภาพคล่อง และเตรียมพร้อมให้เอสเอ็ทอีแข่งขันได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นายกฯ ได้นำทีมเศรษฐกิจหารือสภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อมโยงอุตสาหกรรมและแรงงานจำนวนมาก ขณะที่การหารือสมาคมธนาคารไทยนั้น เป็นเหมือนเครื่องจักรหล่อลื่น เพื่อทำให้ Quick Big Win
“ในช่วงเวลาสั้นๆ นายกฯ ได้มอบนโยบายว่า จะทำอะไรก็ได้ให้ Quick Big Win และสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจไทย รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทย ซึ่งจะต้องทำโดยมีเสถียรภาพ เรียกความเชื่อมั่นใจกับต่างชาติด้วย“นายเอกนิติ กล่าว
นายผยง ศรีวานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สมาคมธนาคารไทย ในรอบ 58 ปี ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาด้วยตัวเอง รวมถึงคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน โดยรัฐบาลฝากโจทย์ใหญ่เรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแต่ทั้งระบบองคาพยพต้องไปด้วยกัน ขณะที่รัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือนจะต้องดูลำดับความสำคัญ เพราะนายกรัฐมนตรีต้องการ Quick Big Win ซึ่งทุกคนเข้าใจตรงกัน
“วันนี้ภาคธนาคารก็ได้รับทราบนโยบายจากนายกรัฐมนตรี โดยได้มีการปรับรายละเอียดเพื่อให้สามารถร่วมมือกันได้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน สมาคมธนาคารไทย ไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทำอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากนายกและทีมเศรษฐกิจมีความเข้าใจในเรื่องการเงินการธนาคารครอบคลุมทุกด้านอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องการลงทุน พลังงาน“
ส่วนเรื่องสภาพคล่องไม่ได้มีปัญหาในตัวเอง เพียงแต่ไม่สามารถไหลไปสู่จุดที่ต้องการได้ ซึ่งไปดูว่าขาดอะไรและต้องเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ให้รอความชัดเจนในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรีเน้นผลลัพธ์เป็นตัวตั้งแล้วทำงานเพื่อไปสู่ผลลัพธ์นั้น
สำหรับมาตรการในการเพิ่มสภาพคล่อง เรื่องข้อมูลเป็นจุดสำคัญที่ระบบไม่มี เนื่องจากเมื่อดูโครงสร้าง เอสเอ็มอีแล้ว พบว่า มีผู้ประกอบการอยู่นอกระบบมากถึง 48% ส่งผลให้ไม่มีข้อมูล นำไปสู่ความสับสน
สะท้อนไปถึงคุณภาพของหนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นนักธุรกิจ เข้าใจทุกข้อต่อของห่วงโซ่อุปทาน และองค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด