กลุ่มปิโตรเคมี ส.อ.ท. ดึงเทคฯเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ดันสู่ S-Curve

20 ก.ย. 2568 | 01:19 น.

กลุ่มปิโตรเคมี ส.อ.ท. ดึงเทคโนโลยีเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ดันสู่ S-Curve ด้วยกลไกเศรษฐกิจหมุนเวียนตามโรดแมปการจัดการขยะพลาสติกประเทศไทย ปี 2561-2573

KEY

POINTS

  • กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ส.อ.ท. ผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง
  • มุ่งพัฒนาเม็ดพลาสติกรีไซเคิลให้เป็นวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-curve) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
  • การดำเนินการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรดแมปการจัดการขยะพลาสติกและเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดปัญหาขยะและสนับสนุนการพัฒนาประเทศแบบคาร์บอนต่ำ

นายอภิชัย เจริญสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการขับเคลื่อนปฏิบัติการพัฒนาระบบส่งคืนขยะพลาสติกสู่การรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานและครบวงจร มุ่งสู่การเป็นวัตถุดิบยุคใหม่ 

รวมถึงสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curve ด้วยกลไกเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามโรดแมปการจัดการขยะพลาสติกประเทศไทย ปี 2561-2573 

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี  ซึ่งมีสมาชิกสามัญในส.อ.ท. รวม 28 บริษัทได้ดำเนินการร่วมกับภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืนตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (หรือ PPP Plastics) โดยมุ่งเน้นกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนพลาสติก ตามโรดแมปของประเทศว่าด้วยการจัดการขยะพลาสติก 

ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ยังเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-curve) ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศแบบคาร์บอนต่ำ ลดภาวะโลกร้อน และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพไปด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจไทยและการแข่งขันในเวทีการค้าโลก 

กลุ่มปิโตรเคมี ส.อ.ท. ดึงเทคฯเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ดันสู่ S-Curve

การมุ่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมรีไซเคิลพลาสติกครอบคลุมทุกลำดับขั้นการจัดการขยะ (Waste Hierarchy) เพื่อพัฒนาเป็นวัตถุดิบต้นทางคุณภาพสูงเหมาะในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยการมีระบบดึงขยะพลาสติกเข้าสู่การจัดการขยะที่ถูกต้องที่ปัจจุบันได้เกิดความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการผลิตและใช้พลาสติกอย่างเข้าใจทั้งระบบ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในมิติเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

นายอภิชัย กล่าวต่อไปอีกว่า กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีถือเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมนี้สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบธรรมชาติได้มากถึง 10–25 เท่า มูลค่าของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทยตลอดทั้งห่วงโซ่ (Value Chain) จนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์พลาสติก สร้างมูลค่ารวมกว่า 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 13% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทย (ข้อมูลปี 2566) สร้างมูลค่าการส่งออกเกือบ 5 แสนล้านบาท หรือประมาณ 5% ของการส่งออกทั้งหมด 

รวมถึงสร้างงานกว่า 4 แสนตำแหน่งและสนับสนุนเอสเอ็มอี (SMEs) มากกว่า 3,000 ราย ซึ่งไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของ UN ที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ ในวันสิ่งแวดล้อมโลกปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Beat Plastic Pollution: Ending global plastic pollution ใช้พลาสติกอย่างเข้าใจ เปลี่ยนประเทศไทยให้ยั่งยืน

กลุ่มปิโตรเคมี ส.อ.ท. ดึงเทคฯเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ดันสู่ S-Curve

“การพัฒนาระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทุกภาคส่วนควรร่วมตั้งแต่นกระบวนการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งภาคเอกชนได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สามารถผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงเทียบเท่าเม็ดพลาสติกใหม่ที่ผลิตจากปิโตรเลียม (Virgin Plastic) อีกทั้งเพื่อเตรียมรับกับข้อกำหนดต่าง ๆ ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนที่คาดว่าจะมีการประกาศใช้ในอนาคตอันใกล้นี้”

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากลุ่มอุตสาหกรรมมีความร่วมมือที่เข้มแข็งในเครือข่าย PPP Plastics มาตั้งแต่ปี 2561 โดย PPP Plastics มุ่งมั่นร่วมกันในการจัดการขยะพลาสติกด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งล่าสุด PPP Plastics ได้จัดสัมมนาติดตามความคืบหน้าของโรดแมป พบว่ามีความก้าวหน้าในด้านการจัดการขยะพลาสติก โดยไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีปัญหาขยะพลาสติกในทะเลลดลงในเชิงปริมาณเปรียบเทียบ จากอันดับที่ 6 เมื่อปี 2553 เป็นอันดับที่ 10 ของโลกในปี 2564 และกำลังดีขึ้นเป็นลำดับ