KEY
POINTS
ลดค่าไฟ 4 สตางค์ต่อหน่วยเป็นอย่างน้อย เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ถูกประกาศออกมาจากพรรคภูมิใจไทย ภายใต้รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
โดยระบุว่านายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่กาากระทรวงพลังงานคนใหม่กำลังจัดทำแนวทางว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง
ทั้งนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” จะพาไปทำความเข้าใจกับวิธีการคำนวณค่าไฟในปัจจุบัน ว่าคิดมาจากอะไร และหากได้ลดลงอีก 4 สตางค์จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เท่าไหร่
อัตราค่าไฟฟ้าในบิลค่าไฟฟ้าปัจจุบัน จะประกอบด้วย 4 ส่วน คือ ค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) ค่าบริการรายเดือน และภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กำหนด โดยให้อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทเดียวกันต้องเป็นอัตราเดียวทั่วประเทศ (Uniform Tariff) ปัจจุบันมีผู้ใช้ไฟฟ้า ทั้งหมด 8 ประเภท
ประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าก็มีผลกับอัตราค่าไฟฟ้า นอกจากพื้นที่แล้ว ประเภทการใช้งานไฟฟ้าก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่กำหนดและควบคุมอัตราค่าไฟฟ้าอยู่เช่นกัน นั้นคือประเภทการใช้งาน โดนอัตราค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการคำนวณค่าไฟ จะแบ่งออกตามประเภทการใช้งานไฟฟ้า ดังนี้
บ้านพักอาศัย
กิจการขนาดเล็ก
กิจการขนาดกลางและใหญ่
อุตสาหกรรม
ค่า Ft (Fuel Adjustment Charge (at the given time)) คือ ค่าไฟฟ้าผันแปร ที่เกิดจากการคำนวณค่าเชื้อเพลง ค่าซื้อไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ ซึ่งจะปรับขึ้นหรือลดลงตามค่าเชื้อเพลงที่แปรผัน
แน่นอนว่าค่า Ft เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำมาคำนวณค่าไฟที่การไฟฟ้าเรียกเก็บแต่ละเดือน โดยมีวิธีคำนวณ ดังนี้
“ค่าไฟฟ้า = ค่าพลังงานไฟฟ้า+ค่าบริการรายเดือน+ค่า Ft+Vat 7%”
ทั้งนี้ หากต้องการประมาณการค่าไฟฟ้าง่ายๆ ก็สามารถคำนวณได้ผ่านระบบประมาณการค่าไฟฟ้า ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกันได้ เพียงกรอกประเภทไฟฟ้า, ประเภทผู้ใช้ไฟฟ้า, เดือน, ปีพุทธศักราช และปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า ระบบจะทำการคำนวณค่าไฟให้อัตโนมัติ
แม้ว่าในบางเดือนใช้ไฟน้อย แต่เมื่อถึงสิ้นเดือน ค่าไฟกลับแพงขึ้นกว่า สามารถสังเกตได้จาก 5 ปัจจัยหลักๆ ดังนี้
ค่า Ft ที่เพิ่มขึ้นสูง
ค่า Ft คือ ค่าไฟฟ้าผันแปร ที่เกิดจากการคำนวณค่าเชื้อเพลง ค่าซื้อไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ ซึ่งจะปรับขึ้นหรือลดลงตามค่าเชื้อเพลงที่แปรผัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการปรับค่า Ft เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุด มีไฟรั่ว
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟสูงหากชำรุด หรือเสียหาย อาจส่งผลให้กินไฟมากกว่าปกติ หากค่าไฟเพิ่มขึ้นสูง แนะนำให้เช็กเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ร่วมด้วย
สภาพอากาศ
สภาพอากาศเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด เช่น เครื่องปรับอากาศ พัดลม หรือตู้เย็นทำงานหนักกว่าเดิม และกินไฟมากขึ้น
พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า
พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าบางอย่างอาจส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ทำงานตลอดวัน การอาบน้ำด้วยเครื่องทำน้ำอุ่น หรือการเปิดเครื่องฟอกอากาศ ส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นได้
โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าฐานแบบขั้นบันได ปี 2568
สำหรับผู้ใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน (อัตรา 1.1)
ค่าบริการ : 8.19 บาท/เดือน
สำหรับผู้ใช้ไฟเกิน 150 หน่วย/เดือน (อัตรา 1.2)
ค่าบริการ : 24.62 บาท/เดือน
ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟ: หากใช้ไฟฟ้า 180 ยูนิต
ขั้นที่ 1 : ค่าไฟฟ้าฐาน
150 ยูนิตแรก : 150 x 3.2484 = 487.26 บาท
ยูนิตที่ 151-180 : 30 × 4.2218 = 126.65 บาท
ค่าบริการตามอัตรา 1.2 = 24.62 บาท
รวมค่าไฟฟ้าฐาน = 638.53 บาท
ขั้นที่ 2 : ค่า Ft (0.3672 บาท/หน่วย)
180 × 0.3672 = 66.10 บาท
ขั้นที่ 3: ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(638.53 + 66.10) × 7% = 49.32 บาท
“ค่าไฟฟ้าฐาน + ค่า Ft + ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% = ค่าไฟฟ้าสุทธิ
638.53 + 66.10 + 49.32 = 753.95 บาท
อย่างไรก็ดี ค่าไฟปี 2569 จะเป็นอย่างไร คงต้องรอให้มีการประกาศนโยบายที่ชัดเจน เพื่อจะได้รู้ว่าค่า FT ที่จะต้องจ่ายมีอัตราเท่าไหร่ เพื่อจะสามารถนำมาคำนวณค่าไฟได้ว่าประชาชนจะลดค่าครองชีพได้แค่ไหน