ส.อ.ท. ยันอายัดบัญชีม้าไม่กระทบภาคธุรกิจ ห่วงบาทแข็งฉุดส่งออก

17 ก.ย. 2568 | 05:21 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ย. 2568 | 05:21 น.

ส.อ.ท. ยืนยันกรณีการอายัดบัญชีม้าไม่กระทบภาคธุรกิจ ระบุวสมาชิกส่วนใหญ่ทำถูกต้องตามระบบ ห่วงบาทแข็งฉุดส่งออก ท่องเที่ยว

KEY

POINTS

  • ส.อ.ท. ยืนยันว่ามาตรการอายัดบัญชีม้าไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ดำเนินธุรกรรมอย่างถูกต้องตามระบบ
  • ภาคธุรกิจมีความกังวลต่อปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคการส่งออกและทำให้ผู้ส่งออกประสบปัญหา
  • ค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงเนื่องจากมองว่า

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงกรณีการถูกอายัดบัญชี กับผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ว่า ไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่สมาชิกของ ส.อ.ท. มีการดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้องตามระบบทำให้ไม่เกิดปัญหา 

ทั้งนี้ เท่าที่รับทราบข้อมูลของกรณีที่เกิดปัญหานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลทั่วไปที่บางครั้งอาจมีการใช้งานแสกนคิวอาร์โค้ด หรือใช้งานแอพลิเคชันไลน์มากกว่า

“ภาคเศรษฐกิจนั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องการอายัดบัญชีม้า แต่ที่มีปัญหาคือเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ผู้ส่งออกเหนื่อยมาก รวมถึงผู้ประกอบการทางด้านท่องเที่ยว ซึ่งตามปกติจะต้องมีผู้ที่เดินทางเข้ามาแล้วเวลานี้ แต่กลับพบว่ามีปริมาณผู้ที่เดินทางเข้ามาช่วงครึ่งปีหลังลดลง”

ส่วนครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไปแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวหลักจากประเทศจีนหายไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีจากประเทศอื่นชดเชยเข้ามา แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรกก็ยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเกือบถึง 6%

ส.อ.ท. ยันอายัดบัญชีม้าไม่กระทบภาคธุรกิจ ห่วงบาทแข็งฉุดส่งออก

ขณะที่ในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. ตัวเลขก็ยังลดลงต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากประเทศคู่แข่ง แต่ปัญหาหลักมาจากเรื่องของเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทย เพราะเกิดความรู้ว่าแพง

โดยมีการเปลี่ยนเป้าหมายไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งมีราคาค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เพราะนักท่องเที่ยวเวลานี้ส่วนใหญ่ก็มีความระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายเช่นกัน

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า เวลานี้สิ่งที่ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมหวาดกลัวคือเรื่อง Cyber Crime หรืออาชกรรมทางไซเบอร์ที่เป็นลักษณะของการทำมัลแวร์เข้ามาแบล็คเมย์ทำให้ระบบล่ม หลังจากนั้นก็จะเข้ามาตบทรัพย์ หรือเรีนยกว่าตบทรัพย์ 

ซึ่งล่าสุดมีบริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ถูกโจมตีเป็นนจำนวนมาก เพียงแต่ไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวออกมาเท่านั้น แต่วงในรับทราบกัน และเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยที่บริษัทดังกล่าวเหล่านั้นไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะชน เพราะเกรงว่าจะเสียภาพลักษณ์ว่าบริษัทขาดมาตรฐานความปลอดภัยด้านไซเบอร์

“บริษัทเหล่านี้จะไม่กล้าออกมาเปิดเผยว่าถูกโจมตี โดยทำให้บางครั้งต้องเสียเงินจากค่าตบทรัพย์เป็นมูลค่าหลักสิบล้านถึงร้อยล้านบาท แต่เรื่องบัญชีม้าไม่มีผล ส่วนใหญ่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน”