‘คนละครึ่ง’ เป็นอีกหนึ่งโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้มีความชัดเจนว่าจะถูกนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงรัฐบาล 4 เดือนนี้แน่นอน และอาจจะมีการปรับรูปแบบ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี 11 ล้านคนด้วย โดยรัฐจะจ่ายให้ 60% และอีก 40% ผู้อยู่ในระบบภาษีจ่าย
โครงการคนละครึ่งริเริ่มในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้นได้ออกโครงการมาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนซบเซา ตามรายได้ที่ลดลงจากกรณีร้านค้า และกิจการหลายแห่งปิดให้บริการ
ขณะเดียวกัน ข้อจำกัดในการจัดทำมาตรการ คือ ต้องลดการสัมผัสเงินสด ซึ่งมีความเสี่ยงเรื่องการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 และงบประมาณภาครัฐในขณะนั้นก็มีกระสุนกันไว้ไม่มากนัก เพราะก่อนหน้านั้น ได้มีการจ่ายเงินเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
“ฝั่งนโยบายจึงได้เสนอออกโครงการคนละครึ่ง ให้รัฐช่วยจ่ายค่าครองชีพให้กับประชาชนครึ่งนึง และครึ่งที่เหลือประชาชนเป็นคนออกเอง ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งจากของภาครัฐและประชาชนด้วย”
ในรัฐบาลประยุทธ์ มีความพยายามออกโครงการลักษณะการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-payment) มาแล้วก่อนหน้านั้น ผ่านโครงการชิมช้อปใช้ โดยรัฐบาลจะเติมเงินให้ 1,000 บาท และหากใช้เกินวงเงินจะได้รับเงินคืน 15% แต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก และหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเท่าที่ควร
ฉะนั้น ในการจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 นี้ กระทรวงการคลัง จึงได้เสนอให้จัดทำโครงการคนละครึ่ง นอกจากรัฐบาลใช้เงินงบประมาณดูแลประชาชนแล้ว ยังสนับสนุนให้ประชาชนควักเงินตัวเองร่วมจ่ายด้วย
"จึงออกมาเป็นรูปแบบที่รัฐบาลสนับสนุน 50% จ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป แต่ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน โดยกำหนดให้ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่พัฒนาระบบโดยธนาคารกรุงไทย"
ทั้งนี้ จากแนวคิดที่ต้องการลดค่าครองชีพของประชาชนในแต่ละวัน และต้องการช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็ก คนรากหญ้าจริงๆ รัฐบาลจึงได้กำหนดการให้สามารถใช้จ่ายได้เฉพาะร้านค้ารายเล็ก ไม่รวมซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ส่วนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้โครงการคนละครึ่งได้รับความนิยม
แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งประสบความสำเร็จจริง เพราะการดำเนินโครงการลักษณะเช่นนี้ ไม่มีประเทศใดทำมาก่อน และหลังจากที่ได้ออกโครงการคนละครึ่ง ซึ่งมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน
กระทรวงการคลังก็ได้รับการติดต่อจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยทั้ง 2 ประเทศได้สอบถามรายละเอียดการดำเนินโครงการ เพื่อใช้เป็นต้นแบบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะที่ประเทศไทยเองก็เดินหน้าโครงการคนละครึ่ง มากว่า 5 เฟส ดังนี้
คนละครึ่ง เฟส 1
คนละครึ่ง เฟส 2
คนละครึ่ง เฟส 3
คนละครึ่ง เฟส 4
คนละครึ่ง เฟส 5
สำหรับ ‘คนละครึ่งเวอร์ชันใหม่’ ในยุครัฐบาลอนุทิน จะหน้าตาเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามกันต่อไป แต่แน่นอนว่า คนละครึ่ง เป็นโครงการที่ประชาชนเข้าใจง่าย ใช้ง่าย และเห็นผลทันที จึงมีโอกาสสร้างแรงกระตุ้นกำลังซื้อในระยะสั้นได้จริง
แต่เมื่อมองในภาพใหญ่ ก็อาจต้องเดินคู่กับมาตรการอื่น ๆ เช่น การดูแลค่าครองชีพ การลดหนี้ และการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชน เพื่อให้ผลลัพธ์ไม่ใช่เพียงแค่การ “ปลุกกำลังซื้อชั่วคราว” แต่เป็นการสร้าง ความมั่นใจและความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ ในระยะยาว ซึ่งถือเป็นความท้าทายภายใต้รัฐบาล 4 เดือน