KEY
POINTS
นายยศวัฒน์ เรืองรักษ์ลิขิต กรรมการผู้จัดการบริษัท ที.ซี.ซี. ลิสซิ่ง แอนด์บิสซิเนส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ดำเนินการร่วมมือเชิงกลยุทธ์ กับบริษัท SDLG (Shandong Lingong Construction Machinery Co.) ประเทศจีน ผู้ผลิตเครื่องจักรหนักหลากหลายประเภท ภายใต้แบรนด์ SDLG เพื่อขยายธุรกิจแบบครบวงจรในประเทศไทย ทั้ง 3 ด้านหลัก คือ ผลิตภัณฑ์ทางการขาย, การทำตลาด และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
โดยจัดตั้งบริษัท เอสดีแอลจี ไทยแลนด์ จำกัด (SDLG Thailand) ใช้ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการถือหุ้น 90% เป็นของบริษัทที.ที.ซีฯ และอีก 10% เป็นของบริษัท SDLG ประเทศจีน นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องจักร SDLG อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งบริหารความพึงพอใจลูกค้าในภาพรวม
อีกทั้งยังตั้งบริษัท เอสดีแอลจี ลีสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส (SDLG Leasing and services) ใช้ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท รวมถึงวงเงินสนับสนุนกว่า 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนการถือหุ้น 66% เป็นของบริษัทที.ที.ซีฯ และอีก 34% เป็นของบริษัท SDLG ประเทศจีน ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการด้านการเงินครบวงจร สำหรับรถใหม่ และรถมือสอง
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว มาจากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมเครื่องจักรหนักในประเทศไทย มีแนวโน้มขยายตัวสูงต่อเนื่อง จากข้อมูลสนับสนุนในไตรมาส 1/ 68 มีมูลค่าราว 209,715 ล้านบาท ขยายตัว 34.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อ้างอิงจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) จากปัจจัยการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Project) เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก จากการเร่งดำเนินการโครงการต่างๆ ของภาครัฐรวมถึงในภาคอุตสาหกรรมโรงงงานเหมือง และการเกษตร ต่างๆ ที่มีแนวโน้มการใช้เครื่องจักรหนักเพิ่มขึ้น
ส่วนตลาดเครื่องจักรหนัก ในกลุ่มรถขุด รถตัก ฯลฯ คาดมีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
“การเข้ามาของเอสดีแอลจีฯ ยังจะเข้ามาส่งเสริมการบริหารต้นทุนในภาคธุรกิจกลุ่มเป้าหมายทั้ง อุตฯก่อสร้าง โรงงานประเภทต่างๆและภาคการเกษตร ฯลฯ ที่ต้องลงทุนเครื่องจักรหนักต่างๆ อย่างรถยก รถขุด หรือ รถเกรดเดอร์ ในราคาสมเหตุสมผล ด้วยบริษัทฯได้รับสิทธิภาษีนำเข้าอัตรา 0%”
นายยศวัฒน์ กล่าวอีกว่า แนวทางการทำตลาดบริษัท เอสดีแอลจี ไทยแลนด์ จะวางรูปแบบนำเข้าเครื่องจักรหนักสำเร็จเข้ามาทำตลาดในไทยในรุ่นที่เหมาะสม พร้อมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เปิดศูนย์ให้บริการเอสดีแอลจี 16 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ ในจังหวัดหัวเมือง เช่น เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุดรธานี,อุบลราชธานี, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, ชลบุรี, ระยอง, กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต เป็นต้น
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ วางแนวทางการทำตลาดแบ่งออกเป็น 2 ระยะ (Phase) โดยใน3 ปีแรกจะเป็นการจัดตั้งพร้อมวางระบบองค์กรให้แข็งแกร่งรอบด้าน รวมถึงวางแผนนำเข้าเครื่องจักรหนักไม่ต่ำกว่า 600-700 คัน เพื่อสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคชาวไทยกลุ่มเป้าหมาย
ขณะที่ในเฟสที่2 จะขยายการลงทุนเพิ่ม และอาจมีแผนตั้งโรงงานประกอบการผลิตเครื่องจักรแบรนด์ดังกล่าวในประเทศไทย หากตลาดมีแนวโน้มความต้องการขยายตัวสูงขึ้น ในอนาคต
นายคณิต ลิมปิพิชัย นายกสมาคมลีสซิ่งไทย ในฐานะกรรมการผู้บริหาร บริษัทเอสดีแอลจี ลิสซิ่งแอนด์เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะใช้จุดแข็งจากประสบการณ์การทำตลาด ความน่าเชื่อถือแบรนด์ด้วยมาตรฐานสากล มาทำตลาดด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ที่ตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกลูกค้า ที่พบว่าตลาดผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถยนต์ กลุ่มเครื่องจักรหนัก รถขุด รถยก รถตัก ฯลฯ ในไทย ผู้บริโภคจะนิยมโมเดลเช่าซื้อสินค้าเป็นหลัก ด้วยเป็นสินค้าที่มีระดับราคาสูง
และต้องการบริการหลังการขายควบคู่ตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าซื้อ โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ เตรียมวงเงินสินเชื่อสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4 ปีใช้เพื่อหมุนเวียนการให้บริการแก่ลูกค้า
สำหรับวงเงินและระยะเวลาการให้สินเชื่อพร้อมผ่อนชำระ 4 ปีนั้น จะยังสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ที่มักใช้เครื่องจักรหนักตามระยะเวลาดังกล่าวก่อนเปลี่ยนไปใช้ในรุ่นใหม่ ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมสนับสนุนสินค้าด้วยเช่นกัน รวมถึงการนำเครื่องจักรรุ่นดังกล่าวของลูกค้ารายเดิม นำกลับไปให้บริการรูปแบบเครื่องจักรมือสอง
“ปี2569 บริษัทฯ วางแผนให้บริการเครื่องจักรหนักแบรนด์ SDLG จำนวน 500 คัน คิดเป็นมูลค่ายอดขายไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท”