จ่อฟื้นนโยบาย 'คนละครึ่ง' เวอร์ชั่นอนุทิน ปลุกเศรษฐกิจ

06 ก.ย. 2568 | 02:26 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ย. 2568 | 02:41 น.

รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย เตรียมขยับปลุกเศรษฐกิจ จ่อฟื้นนโยบายยอดนิยม 'โครงการคนละครึ่ง' แต่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ เพื่อหนุนการใช้จ่ายของร้านค้าและประชาชน

KEY

POINTS

  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีแนวคิดที่จะนำนโยบาย "คนละครึ่ง" กลับมาใช้อีกครั้งในเวอร์ชั่นใหม่
  • มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูกำลังซื้อของประชาชน และช่วยเหลือร้านค้าชุมชน
  • นโยบายนี้ถูกมองว่าเป็นมาตรการแบบ "ควิกวิน" ที่ได้รับความนิยมสูงและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนเฟซบุ๊กเพจ “หนุ่มเมืองจันทร์” ได้โพสต์ข้อความเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ระบุถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย กำลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบ “คนละครึ่งเวอร์ชันใหม่” เพื่อฟื้นกำลังซื้อของประชาชน

โดยในโพสต์ระบุข้อความว่า “มีข่าวว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบ ‘ควิกวิน’ เปิดปัดฝุ่นโครงการ ‘คนละครึ่ง’ เอามาใช้อีกครั้ง เพราะนโยบายนี้ชาวบ้านก็ชอบ-ร้านค้าก็ชอบ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ไม่ต้องอธิบายมาก” พร้อมภาพที่มีข้อความว่า “คนละครึ่ง คืนชีพ?”

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากพรรคภูมิใจไทยเช่นเดียวกันว่ามีแนวคิดจะผลักดันโครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งเคยเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับความนิยมสูงในรัฐบาลก่อนหน้า ช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้ร้านค้าชุมชนอย่างกว้างขวาง

ภายหลังจากนายอนุทินได้รับมติโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รายงานข่าวระบุด้วยว่า นายอนุทินมีความพยายามผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่จับต้องได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจฐานรากยังซบเซา และกำลังซื้อของประชาชนลดลง ซึ่งต้องติดตามว่าแผน “คนละครึ่งเวอร์ชันอนุทิน” จะถูกนำเสนอในรูปแบบใดต่อไป

เอกชนเคยเสนอฟื้น “คนละครึ่ง” กระตุ้นใช้จ่าย

สำหรับข้อเสนอในการฟื้นนโยบายคนละครึ่งที่ผ่านมา ถูกเสนอโดยภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานอาวุโส หอการค้าไทย เคยเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะซึมตัวจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายนอกและภายใน โดยเฉพาะปัญหากำลังซื้อของประชาชนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจึงจำเป็นต้องมีความต่อเนื่องและมุ่งเน้นมาตรการที่เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น โครงการคนละครึ่ง ที่เคยดำเนินการมาก่อน ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน และมีผลเชื่อมโยงไปยังภาคธุรกิจ SMEs หรือในลักษณะโครงการคูณสอง ซึ่งเป็นแนวทางที่หอการค้าฯเคยเสนอไว้ ส่วนนี้จะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการนำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น