ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลงเล็กน้อยในการซื้อขายเช้าวันพุธนี้ (23 กรกฎาคม 68) ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่พลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดยังจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งอาจมีการขยายเส้นตายภาษีออกไปเป็นวันที่ 12 สิงหาคมนี้
ราคาทองคำสปอต (Spot Gold) ล่าสุดลดลง 0.2% อยู่ที่ 3,423.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ เวลา 01.36 GMT หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ 16 มิถุนายนเมื่อต้นวัน ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ของสหรัฐฯ ขยับลง 0.2% เช่นกัน มาอยู่ที่ 3,437.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นที่ทรัมป์ประกาศ ระบุว่า จะมีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 15% ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแรงหนุนให้ตลาดการเงินฟื้นตัว โดยเฉพาะในฝั่งเอเชียที่เห็นชัดจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและภูมิภาคในวันเดียวกัน
แม้การปรับตัวลงของทองคำดูเหมือนจะสะท้อนภาพการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยง (Risk Appetite) ของนักลงทุนในระยะสั้น แต่อีกด้านหนึ่ง ปัจจัยจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐและการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Treasury Yield) ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยจำกัดการร่วงลงของทองคำ
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (.DXY) ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องจนใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ขณะที่ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงแตะจุดต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ปัจจัยเหล่านี้ช่วยทำให้ราคาทองคำที่ถูกตั้งราคาด้วยดอลลาร์มีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นักวิเคราะห์จาก CM Trade ทิม วอเตอร์เรอร์ ให้ความเห็นว่า หากมีการลงนามข้อตกลงการค้าเพิ่มเติมก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม อาจส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงไปอีก อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าหากเงินดอลลาร์ยังถูกกดดัน ราคาทองคำก็ยังมีโอกาสกลับขึ้นไปแตะระดับ 3,500 ดอลลาร์ได้ในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การเมืองภายในสหรัฐฯ ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ตลาดไม่อาจมองข้าม โดยทรัมป์ยังคงโจมตีประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เจอโรม พาวเวลล์ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดถึงกับเรียกเขาว่า “หัวทึบ” ที่ยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง พร้อมระบุชัดว่าจะปลดออกจากตำแหน่งภายใน 8 เดือน
นักวิเคราะห์จาก City Index แมตต์ ซิมป์สัน ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ที่มีสภาพคล่องต่ำแบบนี้ หากแรงกดดันจากทรัมป์ต่อเฟดเริ่มคลี่คลายลง อาจทำให้ความผันผวนในตลาดลดลงเช่นกัน ซึ่งก็อาจเปิดโอกาสให้แรงขายกลับเข้ามาเมื่อราคาทองคำขยับขึ้นไปต่ำกว่าระดับ 3,500 ดอลลาร์
ในด้านอื่นของตลาดโลหะมีค่า ราคาซิลเวอร์ (เงิน) ลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 39.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาแพลตินัมและพัลลาเดียม ลดลง 0.3% และ 0.8% ตามลำดับ โดยปิดที่ 1,437.83 และ 1,264.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ
แม้ตลาดทองคำจะยังไม่ได้เคลื่อนไหวแรงในระยะนี้ แต่ด้วยทิศทางการเมือง การค้า และเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง ความผันผวนอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ นักลงทุนจึงยังคงต้องจับตาใกล้ชิด โดยเฉพาะการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะต่อไป