ทักษิณ โชว์วิสัยทัศน์ Soft Power ชี้ "อิจฉา-ไม่สามัคคี" ขวางพัฒนาประเทศ

09 ก.ค. 2568 | 09:28 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2568 | 09:54 น.

"ทักษิณ" ปรากฏตัวโชว์วิสัยทัศน์ Soft power ชูไอเดีย ThaiWORKS ต่อยอด OTOP โต้การเมืองไทยไร้สาระ ชี้ความอิจฉาริษยา-ไม่สามัคคี ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจและ Soft Power ล่าช้า พร้อมฝาก "บิ๊กอ้วน" ขับเคลื่อน

วันนี้ (9 ก.ค.68) ในงาน SPLASH – Soft Power Forum 2025 ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โชว์วิสัยทัศน์และเปิดตัวโครงการ ThaiWORKS ภายใต้แนวคิด “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond” โดยมุ่งหวังต่อยอดโครงการ OTOP และพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของไทยให้มีมูลค่าเพิ่ม ด้วยการออกแบบสมัยใหม่และการสร้างแบรนด์ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

 

ต่อยอด OTOP สู่งานสร้างสรรค์ไทยสู่สากล

นายทักษิณกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ OTOP ในปี 2545 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการเยือนเมืองโออิตะในประเทศญี่ปุ่น และนำมาปรับใช้ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมงานหัตถกรรมและสินค้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ โดยเน้นการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก พร้อมนำความรู้และภูมิปัญญาชาวบ้านมาประยุกต์ให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มมูลค่า

 

“เราต้องการให้สินค้าท้องถิ่นสามารถไปได้ไกลขึ้น โดยไม่เพียงแค่มีฝีมือดีเท่านั้น แต่ต้องมีการออกแบบที่ทันสมัยและการตลาดที่ดี รวมถึงการสร้างช่องทางตลาดเพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น” นายทักษิณกล่าว

นำ Peter Arnell เสริมทัพ ThaiWORKS

นายทักษิณยังได้กล่าวถึงความร่วมมือกับ Peter Arnell ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ระดับโลก ซึ่งเคยร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung โดยมองว่า ThaiWORKS จะเป็นการต่อยอดจาก OTOP ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ โดยนำลายของไทย เช่น ลาย บ้านเชียง มาใช้ในการสร้างแบรนด์ให้มีความเป็นสากล

 

“ผ้าพันคอแอร์เมสขายได้ 50,000 บาท แต่ผ้าพันคอไทยขายได้ 2,000 บาท ทำไมเราไม่ใช้ลายบ้านเชียงที่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง มาพัฒนาให้เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าในตลาดโลก” นายทักษิณกล่าว

 

ขับเคลื่อนด้วย Social Enterprise ไม่พึ่งรัฐ

นายทักษิณเน้นย้ำว่า ThaiWORKS จะไม่พึ่งพิงรัฐบาลหรืออำนาจรัฐในการขับเคลื่อน แต่จะดำเนินการในรูปแบบ Social Enterprise ที่ใช้เงินทุนส่วนตัวเพื่อพัฒนางานสร้างสรรค์ให้ยั่งยืน โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านให้เป็นโรงงานขนาดย่อม เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ พร้อมเสริมว่า “เราต้องเร่งทำให้สินค้าไทยสามารถทำเงินได้ เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้มีช่องทางหารายได้และไม่ทิ้งงานฝีมือของไทย”

“ความไม่สามัคคี - อิจฉาริษยา อุปสรรคใหญ่ของชาติ”

ในงานนี้ นายทักษิณยังได้สะท้อนปัญหาความไม่สามัคคีและความอิจฉาริษยาในสังคมไทย ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ในการพัฒนาประเทศ “ถ้าคนไทยสามารถร่วมมือกันและไม่อิจฉาริษยากัน เราจะสามารถสร้างพลัง Soft Power ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยได้ในหลายมิติ” นายทักษิณกล่าว

 

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านการศึกษาและดิจิทัล

นายทักษิณยังได้พูดถึงการใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งเสริม ThaiWORKS โดยให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมเยาวชนรุ่นใหม่ใน Generation Z ที่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน โดยเสนอการใช้เทคโนโลยีเช่น ChatGPT และ DeepSeek เพื่อช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์และการทำการตลาด

 

“การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์งาน และการฝึกอบรมให้คนไทยใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ จะทำให้สามารถนำอัตลักษณ์ของไทยไปสู่ตลาดโลกได้” นายทักษิณกล่าว

 

เร่งขับเคลื่อน ThaiWORKS ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายทักษิณยังกล่าวถึงแผนการขับเคลื่อน ThaiWORKS ในสองระดับคือในประเทศและต่างประเทศ โดยในระดับประเทศจะเน้นการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานท้องถิ่น เช่น กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะมาช่วยผลักดันนโยบายไปสู่ชุมชนและหมู่บ้าน ในขณะที่ในระดับนานาชาติ จะให้ Peter Arnell ช่วยขับเคลื่อนการสร้างแบรนด์และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก

 

ภาพยนตร์ไทย: แนวทางการเติบโตในตลาดโลก

นายทักษิณยังกล่าวถึง อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย โดยระบุว่า “หนังไทยในปัจจุบันมีพัฒนาการที่ชัดเจน การผลิตมีระบบมากขึ้น และสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น” โดยเน้นย้ำว่าหากสามารถหากลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน การผลิตภาพยนตร์ไทยจะสามารถขยายตลาดได้มากขึ้น

 

“ตอนนี้ Hollywood เริ่มซื้อสคริปต์หนังไทยไปแปลแล้ว เพราะการเขียนบทของคนไทยมีความโดดเด่น โดยเฉพาะในเรื่องการเมือง” นายทักษิณกล่าว

 

ในตอนท้าย นายทักษิณสรุปว่า “หากคนไทยสามารถร่วมมือกันและไม่มีกระแสความอิจฉาริษยากัน Soft Power ของไทยจะมีพลังมหาศาลและสามารถสร้างรายได้จากความคิดสร้างสรรค์ได้หลากหลายช่องทาง”