ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องคดีสำคัญที่ผู้ใช้บริการระบบ OTT (Over The Top) ฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในข้อหาละเลยต่อหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการของผู้ให้บริการ OTT ที่แทรกโฆษณาคั่นการชมรายการโทรทัศน์ในลักษณะที่อาจเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งที่ 541/2568 ในคดีที่นาย น. ผู้ใช้บริการรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านแอปพลิเคชัน OTT ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น โดยกล่าวหาว่าผู้ถูกฟ้องทั้งสาม ได้แก่ กสทช. เลขาธิการ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ละเลยต่อหน้าที่ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553
ผู้ฟ้องคดีระบุว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่ผู้ประกอบกิจการแอปพลิเคชัน OTT นำสัญญาณรายการของช่องโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปมาแพร่ภาพบนแอปพลิเคชันของตน โดยผู้ใช้บริการต้องดูโฆษณาก่อนและระหว่างการรับชมเนื้อหารายการ ทำให้เกิดการปิดกั้นช่องทางการรับชมภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง
ผู้ฟ้องคดีมองว่า กสทช. ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 27 และมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ละเลยต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร โดยไม่กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบกิจการให้บริการโทรทัศน์แบบ OTT และไม่ดำเนินการกำกับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าว
เดิมศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา แต่ศาลปกครองสูงสุดเห็นแย้ง โดยชี้แจงว่าการให้บริการโทรทัศน์แบบ OTT เป็นกิจการที่จัดอยู่ในนิยามของ "กิจการโทรทัศน์" ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ซึ่งหมายถึงกิจการที่ให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยังเครื่องรับที่สามารถรับชมและฟัง ไม่ว่าจะส่งผ่านระบบใดก็ตาม รวมถึงระบบอินเทอร์เน็ต
ศาลปกครองสูงสุดมองว่าคดีนี้เป็นการฟ้องคดีที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ กสทช. กำหนดหลักเกณฑ์และดำเนินการกำกับดูแลกิจการให้บริการโทรทัศน์แบบ OTT เพื่อมิให้เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคโดยอาศัยการแทรกโฆษณาระหว่างชมรายการ รวมทั้งให้ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์แบบ OTT ต้องได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เพื่อให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าผลจากคำพิพากษานี้จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจำเป็น และป้องกันมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนทั่วไป
ศาลถือว่าคดีนี้เป็นการฟ้องคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 จึงสั่งให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาตามรูปคดีต่อไป