ผู้สื่อข่ารายงานว่า วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ศาลปกครองกลางได้อ่านผลแห่งคำพิพากษาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.697/2564 หมายเลขแดงที่ อ. 309/2568 ระหว่าง สมาคม ส กับพวกรวม 6 ราย (ผู้ฟ้องคดี) ที่ยื่นฟ้องการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ผู้ถูกฟ้องคดี) ว่า
ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ดำเนินการจัดให้มีลิฟต์ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ในโครงการสถานีขนส่งมวลชนในระบบขนส่งรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม เส้นทางช่วงเตาปูน - บางใหญ่ (รถไฟฟ้าสายสีม่วง)
ตามที่กฎหมายกำหนด จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีจัดทำลิฟต์สำหรับคนพิการที่สถานีรถไฟฟ้าทั้ง 16 สถานี เพิ่มเติมเฉพาะจุดที่ยังไม่ได้จัดทำลิฟต์สำหรับคนพิการ
รื้อถอนลิฟต์บันไดและจัดทำลิฟต์สำหรับคนพิการทดแทนเฉพาะจุดที่ 5 ของสถานีบางซ่อนและสถานีบางพลู และจัดทำอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมภายในขบวนรถไฟฟ้าและที่สถานีรถไฟฟ้าทั้ง 16 สถานีรวมถึงชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ฟ้องคดีที่ 6
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีจัดทำลิฟต์สำหรับผู้พิการทั้ง 16 สถานี สถานีละไม่ต่ำกว่า 2 จุด ซึ่งเป็นทางเข้าและทางออกของทุกสถานีรถไฟฟ้า คือ
ส่วนฝั่งถนนขาเข้า จำนวน 1 จุด และฝั่งถนนขาออก จำนวน 1 จุด ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา พ.ศ. 2548
ทั้งนี้ จึงรับฟังได้ว่ามีจำนวนเพียงพอเพื่อให้ผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 ประกอบข้อ 9 ของกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา พ.ศ. 2548
และข้อ 14 วรรคหนึ่ง (10) ของกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่ง เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. 2556 และยังไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
หรือปิดกั้นการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับคนพิการ ตามมาตรา 15 และมาตรา 20 (4) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีขอให้รื้อถอนลิฟต์บันไดในบริเวณสถานีซึ่งอยู่คร่อมบริเวณทางแยก จำนวน 3 สถานี ได้แก่ สถานีบางพลู สถานีเตาปูน และสถานีบางซ่อน เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ลิฟต์บันไดได้อย่างเหมาะสมและหากมีความจำเป็นต้องใช้บริการลิฟต์บันไดเป็นกลุ่มจะส่งผลให้ต้องรอใช้บริการนานเกินสมควรนั้น
รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ลิฟต์บันไดที่ติดตั้งในบริเวณ 3 สถานี มีใบรับรองมาตรฐานการผลิตและติดตั้งที่ปลอดภัยสอดคล้องตามมาตรฐานความปลอดภัย En 81 - 40: 2008 ตามข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับการก่อสร้างและการติดตั้งลิฟต์ - ลิฟต์ชนิดพิเศษ สำหรับขนส่งผู้โดยสารและสินค้า
ส่วนที่ 40 : ลิฟต์บันไดสำหรับผู้บกพร่องทางการเคลื่อนที่ จึงรับฟังได้ว่า ลิฟต์บันไดเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมสำหรับผู้บกพร่องทางการเคลื่อนที่ที่ผู้ถูกฟ้องคดีจัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกในการอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม
นอกเหนือจากลิฟต์สำหรับผู้พิการที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้จัดให้มีทุกสถานี สถานีละไม่ต่ำกว่า 2 จุด แล้ว สำหรับในส่วนของการจัดทำอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ภายในโครงการรถไฟฟ้าของผู้ถูกฟ้องคดีนั้น
รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดียังไม่ได้จัดทำแผนที่การเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็น ตามที่กำหนดในข้อ 14 วรรคหนึ่ง (15) ของกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่ง เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงได้ พ.ศ. 2556 แผนที่การเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็นเป็นอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่กำหนดในข้อ 14 วรรคหนึ่ง (15) ของกฎกระทรวงดังกล่าว
และถือเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่มีความสำคัญและจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับคนพิการทางการเห็น ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ผู้ถูกฟ้องคดีจะดำเนินการติดตั้งได้
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีอ้างว่ากฎกระทรวงดังกล่าวกำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีเลือกทำอย่างหนึ่งอย่างใดได้เท่านั้น โดยที่มิได้คำนึงถึงเหตุผลและความจำเป็นในการให้คนพิการได้เข้าถึงการรับบริการสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมมีผลให้ข้อกำหนดที่มีขึ้นในกฎกระทรวงดังกล่าวไม่อาจนำไปสู่การปฏิบัติจริง การไม่จัดให้มีแผนที่การเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็นตามสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 16 สถานีของผู้ถูกฟ้องคดี
จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ 14 วรรคหนึ่ง (15) ของกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่ง เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงได้ พ.ศ. 2556
จึงถือได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดในการจัดทำแผนที่การเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็นดังกล่าว
ส่วนคำขอของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและค่าสินไหมทดแทนเชิงลงโทษพร้อมดอกเบี้ยนั้น
ศาลเห็นว่า แม้ว่าศาลจะวินิจฉัยว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่จัดให้มีแผนที่การเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็นในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 16 สถานี เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติก็ตาม
แต่การที่ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ดังกล่าวมิได้เป็นผลโดยตรงให้เกิดความเสียหายที่ทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องรับภาระในการเดินทางมายังสถานีรถไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายจากการเดินทางตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้าง
ประกอบกับการเลือกวิธีการเดินทางเพื่อใช้บริการรถไฟฟ้า ผู้ฟ้องคดีย่อมมีทางเลือกหรือเสรีภาพที่จะเลือกวิธีการเดินทางได้
ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเลือกวิธีเดินทางเพื่อมาใช้บริการรถไฟฟ้า จึงเป็นดุลพินิจของผู้ฟ้องคดีที่จะเลือกตามความเหมาะสมและความจำเป็นได้
การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่ถือเป็นการกระทำละเมิด และไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามฟ้อง
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการจัดให้มีแผนที่การเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็นที่สถานีขนส่งรถไฟฟ้าทั้ง 16 สถานี ของโครงการสถานีขนส่งมวลชน ในระบบขนส่งรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม เส้นทางช่วงเตาปูน - บางใหญ่
ตามข้อ 14 วรรคหนึ่ง (15) ของกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่ง เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. 2556
และเป็นไปตามรายการอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในสถานีขนส่งผู้โดยสารที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายกฎกระทรวงดังกล่าว รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับคนพิการกำหนด
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น