คลังชงครม. กระตุ้นเศรษฐกิจแสนล้าน ลุ้นปรับเกณฑ์แก้หนี้ พรุ่งนี้

23 มิ.ย. 2568 | 13:42 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2568 | 14:21 น.

คลังชงครม. พรุ่งนี้ ไฟเขียวโครงการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้านบาท พร้อมลุ้นเสนอปรับเงื่อนไข “คุณสู้ เราช่วย” แก้หนี้เสีย

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.68) กระทรวงการคลังจะเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ครม.อนุมัติ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัติ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบกรอบวงเงินตามที่เสนอแล้ว 1.15 แสนล้านบาท 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ส่วนจะมีการปรับวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อมารับมือสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้หรือไม่นั้น รัฐบาลจะแถลงการใช้เงินภายใต้กรอบดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ โดยจากการกลั่นกรองอย่างละเอียด ในรอบแรกมีการใช้งบ 1.15 แสนล้านบาท ยังเหลืองบประมาณอยู่ 4-5 หมื่นล้านบาท รัฐบาลสามารถนำมาดูแลในเรื่องที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ได้

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะขยายเกณฑ์เพื่อให้ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะเสนอครม. ได้อย่างเร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้ หรืออย่างช้าที่สุดภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการผ่อนปรนเงื่อนไข เช่น มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” จากเดิมที่กำหนดหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท ปรับเป็น หนี้เสียแบบไม่มีหลักประกันภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาท ต่อบัญชี 

“ปัจจุบันหนี้เสียหรือ NPL ในระบบอยู่ที่ 1.22 ล้านล้านบาท โดยเป็นส่วนที่ต่ำกว่า 1 แสนบาทประมาณ 65-66%  หรือคนที่เป็น NPL รวมมีอยู่ 5 ล้านกว่าบัญชี เป็นหนี้ที่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ประมาณ 3 ล้านบัญชี ดังนั้นถ้าเราแก้หนี้ต่ำกว่า 1 แสนได้หนี้ตรงนี้ก็จะลดลง“

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.นั้น ก้อนแรก 1.15 แสนล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 

  1. ด้านโครงสร้างพื้น 85,000 ล้านบาท คิดเป็น 73.7%  แบ่งเป็น โครงการน้ำ 39,136 ล้านบาท คิดเป็น 33.9% และโครงการคมนาคม 45,864 ล้านบาท คิดเป็น 39.8%
  2. ด้านการท่องเที่ยว 10,053 ล้านบาท คิดเป็น 8.7%
  3. ด้านการส่งออก/ผลิตภาพ 11,122 ล้านบาท คิดเป็น 9.6%
  4. ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ 9,201 ล้านบาท คิดเป็น 8% 

โดยมีการกระจายการลงทุนครอบคลุมทั่วประเทศ ทุกจังหวัด และทุกอำเภอ โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้ต่อหัวน้อย จะได้รับเงินโครงการเข้าไปดูแลมากกว่าจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวมาก อีกทั้ง คณะกรรมการฯ ยังดูในมิติของการจ้างงาน โดยจะช่วยดูแลการจ้างงานกว่า 6-7 ล้านคน ซึ่งจากวงเงินที่อนุมัติ 1.15 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนเงินค่าจ้างมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30%

“โครงการที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอมาวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ได้รับการอนุมัติทั้งหมด โดยส่วนใหญ่ 70% เป็นโครงการแก้ปัญหาน้ำ คมนาคม ส่วนอีก 10% เป็นโครงการท่องเที่ยว และอีก 20% เป็นโครงการเกี่ยวกับการศึกษา และอื่นๆ ซึ่งเป็นการกลั่นกรองมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่ขอใช้งบเข้ามากว่า 3 แสนล้านบาท”