นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.68) กระทรวงการคลังจะเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ครม.อนุมัติ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัติ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบกรอบวงเงินตามที่เสนอแล้ว 1.15 แสนล้านบาท
ส่วนจะมีการปรับวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อมารับมือสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้หรือไม่นั้น รัฐบาลจะแถลงการใช้เงินภายใต้กรอบดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ โดยจากการกลั่นกรองอย่างละเอียด ในรอบแรกมีการใช้งบ 1.15 แสนล้านบาท ยังเหลืองบประมาณอยู่ 4-5 หมื่นล้านบาท รัฐบาลสามารถนำมาดูแลในเรื่องที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ได้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะขยายเกณฑ์เพื่อให้ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะเสนอครม. ได้อย่างเร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้ หรืออย่างช้าที่สุดภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการผ่อนปรนเงื่อนไข เช่น มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” จากเดิมที่กำหนดหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท ปรับเป็น หนี้เสียแบบไม่มีหลักประกันภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาท ต่อบัญชี
“ปัจจุบันหนี้เสียหรือ NPL ในระบบอยู่ที่ 1.22 ล้านล้านบาท โดยเป็นส่วนที่ต่ำกว่า 1 แสนบาทประมาณ 65-66% หรือคนที่เป็น NPL รวมมีอยู่ 5 ล้านกว่าบัญชี เป็นหนี้ที่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ประมาณ 3 ล้านบัญชี ดังนั้นถ้าเราแก้หนี้ต่ำกว่า 1 แสนได้หนี้ตรงนี้ก็จะลดลง“
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.นั้น ก้อนแรก 1.15 แสนล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท แบ่งเป็น
โดยมีการกระจายการลงทุนครอบคลุมทั่วประเทศ ทุกจังหวัด และทุกอำเภอ โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้ต่อหัวน้อย จะได้รับเงินโครงการเข้าไปดูแลมากกว่าจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวมาก อีกทั้ง คณะกรรมการฯ ยังดูในมิติของการจ้างงาน โดยจะช่วยดูแลการจ้างงานกว่า 6-7 ล้านคน ซึ่งจากวงเงินที่อนุมัติ 1.15 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนเงินค่าจ้างมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30%
“โครงการที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอมาวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ได้รับการอนุมัติทั้งหมด โดยส่วนใหญ่ 70% เป็นโครงการแก้ปัญหาน้ำ คมนาคม ส่วนอีก 10% เป็นโครงการท่องเที่ยว และอีก 20% เป็นโครงการเกี่ยวกับการศึกษา และอื่นๆ ซึ่งเป็นการกลั่นกรองมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่ขอใช้งบเข้ามากว่า 3 แสนล้านบาท”