คลังสั่ง ธอส. รุกปล่อยกู้บ้านหรู อัดเม็ดเงินลงระบบ 1.5 แสนล้าน

23 มิ.ย. 2568 | 13:22 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2568 | 13:29 น.

คลังมอบนโยบาย ธอส. รุกปล่อยกู้บ้านหรู ราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมเร่งปล่อยสินเชื่อใหม่ครึ่งปีหลังอัดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1.5 แสนล้านบาท

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการมอบนโยบายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ว่า ธอส. มีบทบาทสำคัญในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อบ้านในระบบของ ธอส. ครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 40% ทั้งยี้ ยังได้มอบนโยบายให้ ธอส. เข้าไปรุกตลาดสินเชื่อบ้านระดับสูงมากว่า 7 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อทำให้สถาบันการเงินอื่นๆ ลงมาแข่งขันด้วย และให้ประชาชนมีทางเลือกในการขอสินเชื่อมากขึ้น

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ ยังได้มอบนโยบายให้ ธอส. เร่งปล่อยสินเชื่อใหม่ครึ่งหลังของปี 2568 อัดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีกกว่า 150,000 ล้านบาท กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโต ส่งอานิสงส์บวกต่อการจ้างงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่องขยายตัวเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้ารักษาบ้านให้คนไทย จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านรายได้ต่อเนื่อง หลังประสบความสำเร็จรักษาบ้านให้คนไทยแล้วกว่า 373,000 บัญชี 

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)  กล่าวว่า ตามนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยลดเป้าหมายกำไรจากการทำธุรกิจ เพื่อจัดสรรเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับประชาชน ธอส. จึงได้จัด 4 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

1) สินเชื่อบ้าน Premier Home สำหรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยวงเงินให้กู้ตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีแรกเริ่มต้นเพียง 1.79% ต่อปี 

2) สินเชื่อซ่อม - แต่ง และสินเชื่อซ่อม – แต่ง Plus สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท  

3) สินเชื่อ Pre Finance Premium สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์คุณสมบัติตามที่ธนาคารกำหนด ในพื้นที่ทำเลที่มีศักยภาพ 27 จังหวัด อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.90% ต่อปี  

4) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี 

“จากการดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการคลังในครั้งนี้ ได้มีส่วนช่วยเหลือและทำให้คนไทยเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 100,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงเดินหน้าเป็นกลไกหลักของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 อีกกว่า 150,000 ล้านบาท เพื่ออัดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ทั้งปีสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย 241,780 ล้านบาท”

นอกจากมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจผ่านการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยแล้ว ธนาคารยังได้ช่วยเหลือลูกค้าตามนโยบายกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนิน “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 80,939 บัญชี 

สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคุณสู้ เราช่วย ธอส. ก็ได้มีมาตรการในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้มาอย่างต่อเนื่องรวมกว่า 373,000 บัญชี 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายทำกำไรสูงสุด แต่มุ่งเน้นดำเนินการตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ตามกรอบการดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง

โดยที่ผ่านมาได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย MRR ธอส.อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐอื่น พร้อมทั้งจัดทำมาตรการขยายระยะเวลากู้ออกไปสูงสุดถึง 80 ปี หรือ 85 ปี จากเดิมอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลากู้ต้องไม่เกิน 70 ปี หรือ 75 ปี ซึ่งสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับลูกค้าได้ 

นอกจากนี้ ธอส. ยังเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง รวมถึงลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ยังขาดเอกสารหลักฐานหรือที่มาของรายได้เข้าร่วมโครงการบ้าน ธอส. โรงเรียนการเงิน เพื่อออมเงินอย่างสม่ำเสมอผ่าน Application: GHB ALL GEN เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือน (ทุกบัญชีรวมกัน) มาเป็นหลักฐานในการใช้ยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส. ในอนาคต

ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าสนใจลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีเงินออมกว่า 220,000 ราย และได้รับสินเชื่อแล้วมากกว่า 50,000 ราย และปีนี้ ธอส. ตั้งเป้าดึงลูกค้าเปิดบัญชีออมเงินเพื่อบ้านในอนาคตกว่า 10,000 ราย