“พิชัย” ลุยรถเก่าแลกรถใหม่ ใช้ภาษีจูงใจ กระตุ้นยอดขายกระบะ

23 มิ.ย. 2568 | 10:48 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2568 | 10:51 น.

“พิชัย” รมว.คลัง เตรียมเดินหน้า “รถเก่าแลกรถใหม่” ใช้ภาษีจูงใจ ดึงบสย. ค้ำประกัน กระตุ้นยอดขายกระบะ ลุ้นชงครม. ปรับเงื่อนไขคุณสู้ เราช่วย พรุ่งนี้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เพื่อเดินหน้าแก้ไขหนี้ครัวเรือนนั้น ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างหารือกับผู้ประกอบการ Non-Bank ทั้งผู้ประกอบการบัตรเครดิต และ สินเชื่อรถยนต์ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีแนวคิดที่ออกโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” เพื่อช่วยให้รถกระบะใหม่ขายได้มากขึ้น กระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์ 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สำหรับโครงการรถเก่าแลกรถใหม่นั้น แนวคิดเบื้องต้น เราจะให้นำรถกระบะเก่าอายุ 20-25 ปี นำมาแลกรถคันใหม่ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมทั้งจะใช้กลไกการค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (บสย.) ด้วย

“แนวคิดคือให้นำรถเก่ามาแลก แล้วก็จะลดภาษีรถใหม่ให้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราจะทำเรื่องนี้ก็ต้องรอให้โครงการคุณสู้เราช่วยผ่านไปก่อนระดับหนึ่ง จะได้วางมาตรการใหม่ คาดว่าจะช่วยแก้ไขหนี้เสียได้อีก 1 แสนล้านบาท”

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะขยายเกณฑ์เพื่อให้ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อย่างเร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.68) หรืออย่างช้าที่สุดภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการผ่อนปรนเงื่อนไข เช่น มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” จากเดิมที่กำหนดหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท ปรับเป็น หนี้เสียแบบไม่มีหลักประกันภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาท ต่อบัญชี 

“ปัจจุบันหนี้เสียหรือ NPL ในระบบอยู่ที่ 1.22 ล้านล้านบาท โดยเป็นส่วนที่ต่ำกว่า 1 แสนบาทประมาณ 65-66%  หรือคนที่เป็น NPL รวมมีอยู่ 5 ล้านกว่าบัญชี เป็นหนี้ที่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ประมาณ 3 ล้านบัญชี ดังนั้นถ้าเราแก้หนี้ต่ำกว่า 1 แสนได้หนี้ตรงนี้ก็จะลดลง“

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างหาแนวทางที่ทำให้ลูกหนี้ที่หลุดจากการเป็นหนี้เสียแล้วหลุดจากประวัติของเครดิตบูโรด้วยเพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ได้

ส่วนการมอบนโยบายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในวันนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ปัจจุบันธอส. ได้เดินหน้าแก้ไขหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะในส่วนของหนี้ค้างชำระ 1-3 เดือน หรือ SM เพื่อไม่ให้ขยับลงเป็นหนี้เสียขณะที่ ธอส. ได้เข้าไปรุกตลาดสินเชื่อบ้านระดับสูงมากว่า 7 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อทำให้สถาบันการเงินอื่นๆ ลงมาแข่งขันด้วยเนื่องจากประชาชนมีทางเลือกในการขอสินเชื่อมากขึ้น