นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2568 ว่า คณะกรรมการฯ ได้อนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ จากงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจกรอบวงเงินทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท โดยจะมีการเสนอที่ประชุมครม.อนุมัติต่อไปในสัปดาห์หน้า
สำหรับโครงการที่คณะกรรมการฯ อนุมัตินั้น มีการกระจายการลงทุนครอบคลุมทั่วประเทศ ทุกจังหวัด และทุกอำเภอ โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้ต่อหัวน้อย จะได้รับเงินโครงการเข้าไปดูแลมากกว่าจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวมาก ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานประเทศ
อีกทั้ง คณะกรรมการฯ ยังดูในมิติของการจ้างงาน โดยจะช่วยดูแลการจ้างงานกว่า 6-7 ล้านคน ซึ่งจากวงเงินที่อนุมัติ 1.1 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนเงินค่าจ้างมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30%
“โครงการที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอมาวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ได้รับการอนุมัติทั้งหมด โดยส่วนใหญ่ 70% เป็นโครงการแก้ปัญหาน้ำ คมนาคม ส่วนอีก 10% เป็นโครงการท่องเที่ยว และอีก 20% เป็นโครงการเกี่ยวกับการศึกษา และอื่นๆ ซึ่งเป็นการกลั่นกรองมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่ขอใช้งบเข้ามากว่า 3 แสนล้านบาท”
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับในที่ประชุมอีกครั้ง ให้ไปดูรายละเอียด และพิจารณาดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งคัด ทั้งการใช้งบประมาณ และโครงการที่ขอ และขอให้คำนึงใน 3 เรื่อง ได้แก่
ขณะที่งบประมาณที่เหลืออยู่อีก 4 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นโครงการที่มาจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเบื้องต้นคณะอนุกลั่นกรองฯ ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว มียอดโครงการที่ขอใช้งบประมาณมารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการเรียกหน่วยงานมาหารือรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อพิจารณาโครงการ ซึ่งยังมีโครงการที่ซ้ำซ้อน และไม่สอดคล้องวัตถุประสงค์ เป็นต้น
ทั้งนี้ หากดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงินทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีผลต่อระบบจีดีพี 0.5-0.6% แต่หากเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีผลต่อจีดีพี 0.4-0.5%