"มาริษ" ยันไทยไม่ขึ้นศาลโลก เดินหน้ากลไกทวิภาคี เคลียร์ปมชายแดนกัมพูชา

11 มิ.ย. 2568 | 11:28 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มิ.ย. 2568 | 11:31 น.

รมว.ต่างประเทศ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” แถลงชัด ไทยยึดเจรจาทวิภาคีแก้ปมเขตแดนกัมพูชา ไม่รับอำนาจศาลโลก มุ่งเปลี่ยนพื้นที่ปะทะเป็นเขตสันติ ย้ำอธิปไตยไทยต้องคงอยู่

11 มิถุนายน 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยถึงท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังได้รับความสนใจจากทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ฝ่ายไทย ครั้งที่ 2 ซึ่งนายมาริษได้มอบนโยบายหลัก 3 ประการให้แก่คณะผู้แทนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน

ข้อแรก เน้นว่าฝ่ายไทยต้องการโน้มน้าวให้กัมพูชาตระหนักว่า สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนมีแนวโน้มผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจากการหารือระดับทหารที่ช่วยลดการเผชิญหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งไทยมุ่งหวังให้พื้นที่นี้กลายเป็น “พื้นที่สันติ” ที่มีความสงบสุขถาวร กลไกในการดำเนินการนี้จะอาศัยความร่วมมือผ่านเจบีซี (JBC), อาร์บีซี (RBC) และจีบีซี (GBC) ซึ่งล้วนเป็นกลไกทวิภาคีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการคลี่คลายสถานการณ์

ประเด็นที่สอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่า ต้องการเห็นความชัดเจนในเส้นเขตแดนมากยิ่งขึ้นในการเจรจาที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน โดยชี้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนร่วมกันระหว่างสองประเทศ

ประเด็นสุดท้าย ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญทางยุทธศาสตร์ นายมาริษย้ำว่า ไทยจะไม่ยอมให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยใดๆ และปฏิเสธอำนาจของศาลโลกอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และการแก้ไขปัญหาภายใต้กรอบองค์การสหประชาชาติสามารถทำได้หลายทางเลือก แต่หนทางที่ไทยเห็นว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดคือการใช้ “กลไกทวิภาคี” เท่านั้น

นายมาริษยังกล่าวอีกว่า การที่ประเทศไทยสามารถลดความตึงเครียดได้ในระดับหนึ่งนั้น เกิดจากการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม ตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้การใช้มาตรการทางการทูตควบคู่ไปกับการหารือด้านความมั่นคง เป็นไปอย่างสอดประสานและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งผลที่ได้ก็คือการลดการเผชิญหน้าในพื้นที่ และเปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นความร่วมมือในอนาคต

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า แนวทางของไทยในการแก้ปัญหาเขตแดนนั้น เป็นไปตามธรรมเนียมทางการทูตสากลอย่างเคร่งครัด และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของนานาอารยประเทศ โดยขอให้ประชาชนมั่นใจในศักยภาพของกองทัพไทยในการบริหารจัดการพื้นที่ และในแนวนโยบายต่างประเทศที่เน้นการส่งเสริมกลไกการเจรจาอย่างสร้างสรรค์

กระทรวงการต่างประเทศยืนยันหนักแน่นว่า แม้กัมพูชาจะมีความพยายามในการเดินสายพูดคุยกับนานาประเทศ แต่ไทยเองก็ได้ดำเนินการอย่างชัดเจนเช่นกัน โดยเฉพาะการชี้แจงจุดยืนให้กับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ต้องการให้มีบุคคลที่สามหรือองค์กรใดมาเป็น “Third Party” ในกระบวนการแก้ไขปัญหา

ในส่วนของผลการประชุมเจบีซีในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กำลังจะมาถึง นายมาริษเผยว่า หลังจากการหารือแล้ว จะมีการแจ้งรายละเอียดโดยคณะโฆษกอย่างเป็นทางการ และจะใช้โอกาสนี้ในการขยายความร่วมมือกับสถานทูตต่างๆ มากยิ่งขึ้น โดยยังคงยึดหลักการเจรจาแบบทวิภาคีอย่างมั่นคง ไม่เปิดช่องให้บุคคลภายนอกเข้ามามีบทบาท