นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (10 มิ.ย.68) จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท เพื่อพิจารณาโครงการที่จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจครอบคลุม 4 กลุ่มเป้าหมาย โดยคาดว่าจะเสนอโครงการเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า
“คาดว่าการพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้งบ 1.57 แสนล้านบาท จะไม่ทันเสนอเข้าที่ประชุมครม. อังคารนี้ ต้องรอลุ้นเสนอครม. ในสัปดาห์หน้า“
ส่วนจะทยอยเสนอโครงการให้ครม. อนุมัติ หรือจะเสนอทั้งกรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทเลยนั้น จะต้องรอติดตามผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ อีกครั้งก่อน จึงจะมีความชัดเจน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการ ได้มีการประชุมพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่สรุปโครงการที่จะใช้งบ 1.57 แสนล้านบาท เนื่องจากเกือบทุกหน่วยงานที่เสนอแผนใช้เงินเข้ามาสูงเกินจริง รวมมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท กว่า 1หมื่นโครงการ เกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้
อีกทั้งหลายโครงการยังมีความซ้ำซ้อน ไม่ตรงกับ 4 ภารกิจการใช้เงิน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งให้สำนักงบประมาณไปทบทวนใหม่
สำหรับหน่วยงานที่เสนอของบประมาณเข้ามาสำคัญ อาทิ
ขณะที่ 4 กลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย
ด้านน้ำ : ป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝน และกักเก็บน้ำไว้สำหรับฤดูแล้ง, กระจายน้ำไปยังชุมชนและพื้นที่ต่าง ๆ ผลิตเพื่อสนับสนุนภาคเกษตรในพื้นที่ทั่วประเทศ และการพัฒนา/ปรับปรุงระบบประปา
ด้านคมนาคม : แก้ไขปัญหาด้านการจราจรในพื้นที่ที่เป็นคอขวดและขาดความเชื่อมโยง, เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง, แก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถไฟและ ถนนเสมอระดับ, ก่อสร้าง/ปรับปรุงจุดพักรถบรรทุกเพื่อให้สามารถบังคับใช้ พ.ร.บ. ขนส่งทางบกฯ และปรับปรุง/พัฒนาถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่การผลิต
ด้านการพัฒนาภาคการท่องเที่ยว : ปรับปรุง/พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สนามกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องน้ำ ห้องพัก สถานที่ ป้ายบอกทาง, พัฒนาระบบอำนวยความสะดวกให้แก่ นักท่องเที่ยว, พัฒนาและยกระดับความปลอดภัยให้แก่ นักท่องเที่ยว อาทิ การติดตั้งระบบ CCTV ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวสำคัญ และกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ภายในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ เมืองรอง
ด้านการเกษตร : เพิ่มผลิตภาพทางการเกษตร อาทิ การสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ SMEs ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูกให้เหมาะสม
ด้านการลดผลกระทบแรงงาน : สนับสนุนมาตรการการเงินการคลัง และสนับสนุนสินเชื่อ (เฉพาะผู้ส่งออก) เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน กองทุนประกันสังคม
ด้านดิจิทัล : พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล และการค้าระหว่างประเทศ