นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีการอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท เนื่องจากมีคำขอที่ผ่านการคัดสรรจากทางสำนักงบประมาณ 1 หมื่นโครงการ วงเงินรวมกว่า 4 แสนล้านบาท คณะกรรมการจึงต้องใช้เวลาในการพิจารณา ซึ่งจะต้องดูให้รอบครอบ
“โครงการนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เรายอมที่จะเลื่อนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และปรับเปลี่ยนวิธีการที่ตอบโจทย์ทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อเปลี่ยนมาแล้วจะต้องเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง เพราะเราเปลี่ยนจากเติมเม็ดเงินถึงมือประชาชนโดยตรง เป็นการลงทุน และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ฉะนั้น โครงการจะต้องเร็ว โดน และได้ผล”
สำหรับการพิจารณาโครงการจะต้องเกิดประโยชน์ในเรื่องการกระตุ้นจริง ซึ่งจากการพิจารณารายละเอียดโครงการเมื่อวานนี้ หลายหน่วยงานที่ส่งโครงการมา ยังไม่เข้ากรอบ 4 กลุ่มเป้าหมาย จึงมอบหมายให้สำนักงบประมาณ ซึ่งเป็นผู้กลั่นกรองโครงการรอบแรก ไปทบทวนรายละเอียดให้รอบครอบขึ้นในช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ เพื่อกลับมารายงานที่ประชุมอีกครั้ง ในเร็วๆ นี้
“เราคงไม่ได้ดูรายละเอียดโครงการเป็นชิ้นๆ แต่จะเข้าไปดูในกลุ่มที่เราวางไว้ เช่น โครงการที่เกี่ยวกับน้ำ นำไปทำอะไรบ้าง มีกี่ประเภท และประเภทใดเกิดการแก้ปัญหาจริง ส่วนโครงการที่เป็นถนน เราจะดูว่าเกิดการกระตุ้น การจ้างงานเพียงพอหรือไม่ ส่วนโครงการประเภทอื่นๆ ก็ต้องดูให้ครบ”
นายจุลพันธ์ กล่าวยืนยันว่า การเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากมีกรอบระยะเวลาที่กำหนด เพราะจะต้องใช้เงินก่อนวันที่ 30 ก.ย.68 และต้องการเร่งรัด เพื่อให้เม็ดเงินลงเร็ว ซึ่งจะเกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า สาเหตุที่ยังไม่สรุปโครงการนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับช่วงคาบเกี่ยวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“ตอนนี้ยังไม่มีข่าว หรือสัญญาณการปรับครม. ซึ่งส่วนตัวยังทำงาน และในเรื่องดังกล่าวนั้น เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ท่านจะคิด หรือทำเมื่อใดเป็นสิทธิของท่าน เราไม่เข้าไปก้าวก่าย”